นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงการยกเลิกประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร และมีผลให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) สิ้นสุด นั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งทั่วโลกเริ่มคลี่คลายมาตรการคุมการแพร่ระบาด ลดการใช้หน้ากากอนามัย ให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่้นเหมือนไข้หวัด และทยอยเปิดประเทศให้เกิดการเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจและท่องเที่ยวได้เหมือนปกติ 

 

เมื่อรัฐบาลประกาศยกเลิกมาตรการเข้มงวดที่ใช้ ก็จะเป็นการยืนยันถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดและการดูแลของไทยมีประสิทธิภาพและไม่มีอะไรน่ากังวล อีกทั้งเป็นสอดรับกับการเข้าฤดูการท่องเที่ยวและเดินทางในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี ต่อถึงต้นปีหน้า ตอนนี้ประเทศเมืองหนาวอย่างยุโรป เตรียมหนีหนาวเข้ามาพักมาเที่ยวในประเทศอุ่นกว่า ซึ่งไทยเป็นประเทศหลักที่สำคัญ และเป็นจังหวะเตรียมรับการเปิดประเทศจีน หลังการประชุมประชุมสภาคอมมิวนิสต์จีนกลางเดือนตุลาคมผ่านไปแล้ว เชื่อว่าจะเปิดให้ชาวจีนออกเดินทาง รวมถึงการกลับมาเดินทางติดต่อทางธุรกิจและการเจรจาลงทุนจะฟื้นอีกครั้ง

 

”น่าเสียดายที่โครงการเราเที่ยวด้วยกันจะหมดลงปลายเดือนตุลาคม รัฐน่าจะทบทวนขยายเวลาอีกไปถึงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า เพราะเศรษฐกิจและกำลังซื้อจะฟื้นได้เร็วต้องผลักดันภาคท่องเที่ยวในการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ในช่วงโค้งสุดท้าย เติมด้วยการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศหลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาปกติ การฟื้นอาชีพทั่วไปมากขึ้น โดยเฉพาะการฟื้นรายได้และกำลังซื้อในต่างจังหวัด ยิ่งตอนนี้เงินบาทอ่อนค่า ล้วนเป็นแรงผลักดันให้จีดีพีไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ขยายตัวได้แรง 3.5-4.0% และส่งผลให้เศรษฐกิจทั้งปี 2565 จีดีพีโตได้ 3% แน่นอน ส่วนปีหน้าต้องดูกันอีกที ” นายสนั่น กล่าว

 

นายสนั่น กล่าวต่อว่า แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความกังวลปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2566 และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ทางหอการค้าไทย จะเข้าหารือกับกระทรวงการคลัง ปลายเดือนกันยายน เพื่อแลกเปลี่ยนสถานการณ์ ปัญหา ปัจจัยหนุนปัจจัยลบ เพื่อจัดทำความร่วมมือและแผนงานสร้างโอกาสในทุกด้าน ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 2566

 

และในวันที่ 30 กันยายนนี้ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน(กกร.) ประกอบด้วยหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เข้าหารือกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร จากนั้นจะประกาศความร่วมมือในการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐ-กรุงเทพมหานคร ( กรอ.กทม.) เพื่อหารือสถานการณ์และแนวทางนำไปสู่การปรับกฎระเบียบที่ไม่ทันสมัย เกณฑ์การอนุญาตต่างๆ และร่วมมือในการพัฒนาเมืองหลวงและการทำธุรกิจให้คล่องตัวขึ้น ซึ่งเป็นความต่อเนื่องหลังจากหอการค้าไทยได้เสนอต่อนานชัชชาติหลังรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่ากทม. เชื่อว่า กรอ.กทม จะเป็นอีกช่องทางในการผลักดันและลดปัญหาต่างๆ ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากต่อไป

 

ที่มา มติชนออนไลน์

วันที่ 25 กันยายน 2565