บริษัททั่วโลกแห่เลิกจ้างนับหมื่น ลดต้นทุนรับแรงกระแทกเศรษฐกิจ
บริษัททั่วโลกแห่รัดเข็มขัด "เลิกจ้าง" หลายหมื่นตำแหน่ง Amazon ปรับโครงสร้างใหญ่เลย์ออฟ 14,000 คน ค่ายรถยนต์ Audi-Porsche เอาออกกว่าหมื่นคน Siemens ลดเกือบ 6,000 คน
บริษัทเอกชนขนาดใหญ่หลายแห่งทั่วโลกประกาศ "เลิกจ้าง" หลายหมื่นตำแหน่งในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะบริษัทจาก "เยอรมนี" นำโดยค่ายรถยนต์ "อาวดี้" (Audi) แบรนด์รถยนต์หรูในเครือของโฟลค์สวาเกนที่ประกาศเลิกจ้างครั้งใหญ่ 7,500 ตำแหน่งในโรงงานหลายแห่งที่เยอรมนี ภายในปี 2029 โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลดรายจ่ายและเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ให้มากขึ้น
Audi คาดว่าแผนดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทประหยัดเงินได้ 1,000 ล้านยูโร (ราว 3.67 หมื่นล้านบาท) ในระยะกลาง ซึ่งการเลิกจ้างคิดเป็นประมาณ 8.6% ของพนักงานทั้งหมดของ Audi ทั่วโลก และบริษัทจะหันมาลงทุนเพิ่ม 8,000 ล้านยูโร (ราว 2.94 แสนล้านบาท) ในอีก 5 ปีข้างหน้า กับโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเยอรมนีแทน
“สภาพเศรษฐกิจกำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ” และ “แรงกดดันด้านการแข่งขันและความไม่แน่นอนทางการเมืองกำลังสร้างความท้าทายครั้งใหญ่ให้กับบริษัท” แถลงการณ์ของอาวดี้ระบุ
ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "ปอร์เช" (Porsche) dHเพิ่งประกาศเลย์ออฟ 3,900 ตำแหน่ง หรือเกือบ 10% ของพนักงานทั้งหมด โดยเป็นผลมาจากยอดขายที่ตกต่ำและภาษีศุลกากรของสหรัฐที่ทำให้ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกหยุดชะงัก และทำให้ตลาดที่ท้าทายอยู่แล้วประสบปัญหาทางการเงินมากขึ้น
การเลิกจ้างพนักงานไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจและความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ลดลง แต่ "จำนวน" การเลิกจ้างพนักงานนั้นมากกว่าที่คาดไว้มาก หลังจากรอยเตอร์สเคยรายงานไปเมื่อต้นปีว่า ปอร์เชกำลังวางแผนที่จะเลิกจ้างพนักงาน 1,900 คน ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
“ปอร์เชสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการหารือที่กำลังดำเนินอยู่เพื่อหาทางออกเรื่องภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐกับสหภาพยุโรป รวมถึงมองไปที่จีนด้วย” โยเคิน เบรคเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและเทคโนโลยีสารสนเทศของปอร์เชกล่าว “ภาษีศุลกากรเป็นสิ่งที่ทำให้เรานอนไม่หลับในระดับหนึ่ง”
นอกจาก Audi และ Porsche แล้ว ก่อนหน้านี้ค่ายรถยนต์เบอร์ 1 ของเยอรมนีอย่าง "โฟล์คสวาเกน" (Volkswagen) ก็ประกาศเลิกจ้าง 35,000 ตำแหน่งทั่วโลก ภายใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อลดต้นทุนและปรับโครงสร้างใหญ่เช่นกัน
'ซีเมนส์' เลิกจ้างรับดีมานด์อ่อนแรง :
ทางด้านบริษัท "ซีเมนส์ เอจี" (Siemens) อีกหนึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ในเยอรมนี ประกาศเลิกจ้างพนักงานทั่วโลกเกือบ 6,000 ตำแหน่ง หรือราว 8% ของพนักงานทั้งหมด โดยในจำนวนนี้ประมาณเกือบครึ่งหนึ่งเป็นการเลิกจ้างในเยอรมนี ท่ามกลางความพยายามลดต้นทุนเนื่องจากธุรกิจออโตเมชันในโรงงานเผชิญดีมานด์ที่อ่อนแรงลง
ซีเมนส์ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันอังคารว่า หน่วยธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัลจะเลิกจ้างพนักงานประมาณ 5,600 คนทั่วโลกภายในสิ้นปีงบประมาณ 2027 โดยในจำนวนนี้จะเป็นกรเลิกจ้างในเยอรมนีประมาณ 2,600 คน ในขณะที่หน่วยธุรกิจชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจะเลิกจ้างพนักงานประมาณ 450 คนในปีนี้ โดยเป็นสัดส่วนในประเทศ 250 คน
ธุรกิจระบบอัตโนมัติซึ่งมีพนักงานประมาณ 68,000 คน ได้รับผลกระทบจากความต้องการที่ซบเซาในจีน และเมื่อปีที่แล้วซีเมนส์ส่งสัญญาณว่าจะมีการเลิกจ้างพนักงานในอนาคตอันใกล้นี้ แม้ว่าโรแลนด์ บุช ซีอีโอของบริษัทจะเพิ่งกล่าวเมื่อเดือนก.พ. ว่า หน่วยธุรกิจนี้เริ่มแสดงสัญญาณฟื้นตัวบ้างแล้วก็ตาม
Amazon จ่อเลย์ออฟใหญ่ 14,000 คน :
เว็บไซต์ไฟแนนเชียล เอ็กซ์เพรส รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า "อเมซอน ดอต คอม" (Amazon) ของเจฟฟ์ เบโซส จ่อเลิกจ้าง 14,000 ตำแหน่งทั่วโลก ในการลดรายจ่ายและปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ คิดเป็นสัดส่วน 13% ซึ่งเมื่อดำเนินการแล้ว จำนวนผู้จัดการทั้งหมดในยักษ์อีคอมเมิร์ซของโลกรายนี้จะลดลงจาก 105,770 คน เหลือ 91,936 คน
การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่อเมซอนเพิ่งเลิกจ้างพนักงานฝ่ายสื่อสารและความยั่งยืน ซึ่งสะท้อนถึงแผนการปรับโครงสร้างองค์กรโดยรวมของบริษัท และเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่ซีอีโอ "แอนดี แจสซี" ต้องการปรับปรุงกระบวนการตัดสินใจและเพิ่มประสิทธิภาพ โดยจะเพิ่มอัตราส่วนของงานที่ไม่ต้องมีลูกน้อง (individual contributors) ในกลุ่มผู้จัดการเป็นอย่างน้อย 15% ภายในปีนี้ เพื่อลดขั้นตอนและเร่งการดำเนินงานให้เร็วขึ้น
มอร์แกน สแตนลีย์ หั่นพนักงาน 2,000 :
บลูมเบิร์กรายงานวันนี้ (19 มี.ค.) ว่า ธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) กำลังวางแผนที่จะเลิกจ้างพนักงานประมาณ 2,000 คน จากทั้งหมดราว 80,000 คน ในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งถือเป็นการลดจำนวนพนักงานครั้งใหญ่ครั้งแรกภายใต้การนำของซีอีโอ เท็ด พิค
การเลิกจ้างดังกล่าวจะเกิดขึ้นทั่วทั้งบริษัท ยกเว้นที่ปรึกษาทางการเงินประมาณ 15,000 คน ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง และแผนการเลิกจ้างนั้นเริ่มต้นขึ้นก่อนที่ตลาดจะผันผวนในช่วงนี้
การเลิกจ้างของมอร์แกน สแตนลีย์ส่งผลให้มีการเลิกจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั่วทั้งวอลล์สตรีท เนื่องจากผู้บริหารต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยคู่แข่งอย่างโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ (Goldman Sachs) ก็มีแผนจะเลิกจ้างพนักงาน 3- 5% ในฤดูใบไม้ผลิปีนี้
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 19 มีนาคม 2568