ทรัมป์สกัดดาวรุ่งเทคโนโลยีจีน แบล็กลิสต์บริษัทเทคฯ 80 แห่ง
สหรัฐเดินหน้าคุมเข้มจีน! ขยายบัญชีดำเพิ่ม 80 องค์กร ส่วนใหญ่เป็นบริษัทเทคโนโลยีจีน หวังสกัดไม่ให้ปักกิ่งพัฒนา AI ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ และอาวุธไฮเปอร์โซนิกที่อาจเป็นภัยต่อสหรัฐ
เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียรายงานว่า รัฐบาลทรัมป์แห่งสหรัฐได้ “ขยายจำนวนบริษัทเทคโนโลยีจีนในบัญชีดำ” ต่อจากทีมของโจ ไบเดน เพื่อจำกัดขีดความสามารถของจีนในการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการประมวลผลขั้นสูง รวมถึงเทคโนโลยีทางการทหารโดยตรงอย่างขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก
สำนักอุตสาหกรรมและความมั่นคง (BIS) ภายใต้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ได้เพิ่มองค์กร 80 แห่งเข้าสู่บัญชีดำ เนื่องจากมีพฤติกรรมขัดต่อความมั่นคงแห่งชาติ และนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ โดยองค์กรที่ถูกเพิ่มมีตั้งแต่จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอฟริกาใต้ อิหร่าน หรือแม้แต่ไต้หวัน แต่ “ส่วนใหญ่เป็นองค์กรจากจีน” หรือมีความเชื่อมโยงกับจีน
BIS ระบุว่า วัตถุประสงค์หลักคือการป้องกันไม่ให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนสามารถเข้าถึง และพัฒนาขีดความสามารถด้านการประมวลผลสมรรถนะสูง ตลอดจนเทคโนโลยีควอนตัม เพื่อใช้งานทางทหาร รวมไปถึงเทคโนโลยีซูเปอร์คอมพิวเตอร์
อีกเป้าหมายของ BIS คือ การขัดขวางการพัฒนาอาวุธไฮเปอร์โซนิกของจีน ซึ่งเป็นอาวุธที่สามารถเดินทางด้วยความเร็วมากกว่าเสียงถึง 5 เท่าหรือมากกว่า และสามารถหลบหลีกระบบป้องกันทางทหาร
ในบรรดาบริษัทที่ถูกเพิ่มเข้าสู่บัญชีดำ มี 6 แห่งที่เป็นหน่วยงานย่อยของ Inspur Group ผู้ให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งและข้อมูลรายใหญ่ของจีน ซึ่งตัวบริษัทแม่เองก็ถูกขึ้นบัญชีดำมาเป็นเวลาสองปีแล้ว
BIS ระบุว่า หน่วยงานเหล่านี้มีส่วนร่วมในการพัฒนาซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เพื่อใช้งานทางทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการจัดหา หรือพยายามจัดหาสินค้าต้นกำเนิดจากสหรัฐ ในการสนับสนุนโครงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของกองทัพจีน
ไม่เพียงเท่านั้น สถาบันปัญญาประดิษฐ์แห่งปักกิ่ง และบริษัท Beijing Innovation Wisdom Technology ก็ถูกขึ้นบัญชีดำเช่นกัน เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า มีเจตนาใช้เทคโนโลยีอเมริกันเพื่อปรับปรุงศักยภาพทางการทหาร โดยทั้งสององค์กรนี้ได้พัฒนาแบบจำลอง AI และชิปประมวลผลขั้นสูงเพื่อใช้ในงานป้องกันประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีอีก 4 บริษัท ได้แก่ Henan Dingxin Information Industry, Nettrix Information Industry, Suma Technology และ Suma-USI Electronics ที่ถูกเพิ่มเข้าสู่บัญชีดำ เนื่องจาก BIS อ้างว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลด้วยความเร็วสูง และใช้ในการจำลองข้อมูลขนาดใหญ่
“เทคโนโลยีของอเมริกา ไม่ควรถูกนำมาใช้ต่อต้านประชาชนอเมริกัน” เจฟฟรีย์ ไอ. เคสเลอร์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ฝ่ายอุตสาหกรรมและความมั่นคงกล่าวในแถลงการณ์
เขาเน้นย้ำว่า รัฐบาลทรัมป์กำลังส่งสารที่ชัดเจนและหนักแน่น เพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ โดยป้องกันไม่ให้เทคโนโลยีและสินค้าของสหรัฐถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดสำหรับการประมวลผลสมรรถนะสูง ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก การฝึกนักบิน เครื่องบินทหาร และอากาศยานไร้คนขับที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติเรา
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 26 มีนาคม 2568