"สี จิ้นผิง" เยือนเวียดนาม เร่งกระชับความร่วมมือให้เข้มแข็ง ร่วมปกป้องการค้าพหุภาคี
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เริ่มต้นการเดินทางเยือน 3 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการ โดยในวันที่ 14-15 เมษายน ประธานาธิบดีสีจะเดินทางเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ
กระทรวงต่างประเทศของจีนระบุว่า ประธานาธิบดีสีได้เรียกร้องให้มีความร่วมมือที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นในด้านอุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานกับเวียดนาม รวมถึงขยายความร่วมมือในสาขาใหม่ๆ ที่กำลังเติบโต ท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ
การเดินทางครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุดของจีน ในขณะที่ที่ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด 2 อันดับแรกของโลกคือ สหรัฐและจีน กำลังเผชิญหน้าและตอบโต้กันไปมาในประเด็นการขึ้นภาษี
กระทรวงต่างประเทศจีนได้อ้างถึงบทความของผู้นำจีนที่ตีพิมพ์ในสื่อของเวียดนามว่า ประธานาธิบดีสีได้เรียกร้องให้มีการเสริมสร้างการประสานงานและความร่วมมือผ่านกลไกระดับภูมิภาค เช่น ความร่วมมือเอเชียตะวันออกและความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง เพราะความร่วมมือเช่นนี้เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อสร้างเสถียรภาพความมั่นคง และสร้างพลังบวกในโลกที่วุ่นวายและเชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน
“ไม่มีใครเป็นผู้ชนะในสงครามการค้าและสงครามภาษี และลัทธิกีดกันทางการค้าก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จ” สีระบุ โดยไม่ได้เอ่ยถึงสหรัฐโดยเฉพาะ
ประธานาธิบดีจีนกล่าวอีกว่า เราต้องยืดหยัดปกป้องระบบการค้าพหุภาคี รักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานระดับโลก และธำรงไว้ซึ่งสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศที่เปิดกว้างสำหรับความร่วมมือ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จีนพยายามที่จะก้าวไปก่อนคณะผู้เจรจาของสหรัฐ โดยจัดการประชุมออนไลน์กับสหภาพยุโรปและมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ รวมถึงซาอุดีอาระเบียและแอฟริกาใต้ เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับประเทศในกลุ่มอ่าวอาหรับ กลุ่มประเทศจี20 และกลุ่มบริกส์
รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวที่ทราบเรื่องรวมถึงเอกสารของรัฐบาลเวียดนามว่า เวียดนามซึ่งพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการถูกสหรัฐเก็บภาษีสูง ได้เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้นต่อการลักลอบขนสินค้าจีนผ่านเวียดนามไปยังสหรัฐ รวมถึงเพิ่มการควบคุมการส่งออกสินค้าที่มีความอ่อนไหวไปยังสหรัฐด้วย
ในบทความดังกล่าว ประธานาธิบดีสีกล่าวว่า จีนยินดีต้อนรับการนำเข้าสินค้าคุณภาพสูงจากเวียดนามมากขึ้น และสนับสนุนให้บริษัทจีนเข้ามาลงทุนและเริ่มต้นธุรกิจในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น ทั้งยังระบุด้วยว่า จีนและเวียดนามควรขยายความร่วมมือในสาขาใหม่ เช่น 5G ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และการพัฒนาสีเขียว
หลังเยือนเวียดนามแล้ว ประธานาธิบดีสีมีกำหนดจะเดินทางเยือนมาเลเซียและกัมพูชาระหว่างวันที่ 15-18 เมษายน โดยครั้งสุดท้ายที่สีเยือนกัมพูชาคือ 9 ปี ขณะที่มาเลเซียคือ 12 ปีก่อน
ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทย ประธานาธิบดีสีเพิ่งเดินทางเยือนครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปีก่อน เพื่อเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ระหว่างวันที่ 17-19 พฤศจิกายน 2565 ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็เพิ่งเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ และได้เข้าพบประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน และนายจ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติของจีน ด้วย
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 14 เมษายน 2568