สงครามภาษีทรัมป์ป่วนโลกขนส่ง ตู้คอนเทนเนอร์ว่างล้นท่าเรือ
การขึ้นภาษีของทรัมป์ ไม่ใช่แค่ "ลงโทษจีน" หรือประเทศคู่ค้า แต่กำลังทำลายความเชื่อมั่นและทำให้ทั้งห่วงโซ่อุปทาน ทำเรือหยุดเดิน ตู้คอนเทนเนอร์ว่างล้นท่าเรือ
การขนส่งทางตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการค้าโลก กำลังเผชิญความวุ่นวายอีกครั้ง ขณะที่สงครามการค้าของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงทวีความรุนแรง
ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการประกาศภาษีศุลกากร การยกเว้น และการยกเลิกมากมายจนแทบตามไม่ทัน ทำให้ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าต้องพยายามปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตามรายงานของ ยูดาห์ เลวีน นักวิเคราะห์จาก Freightos ซึ่งกล่าวไว้ในบันทึกวิจัยประจำสัปดาห์
เมื่อวันที่ 2 เมษายน ทรัมป์ได้ประกาศภาษีตอบโต้แบบไม่เคยมีมาก่อนต่อประเทศคู่ค้าราว 60 ประเทศ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน แต่เพียงหนึ่งวันถัดมา ภาษีเหล่านี้ก็ถูกระงับชั่วคราวเป็นเวลา 3 เดือนสำหรับประเทศส่วนใหญ่
โดยจีนเลือกตอบโต้กลับด้วยภาษีตอบโต้ของตนเองไม่ได้รับการยกเว้นจากการระงับครั้งนี้ ส่งผลให้ทั้งสองประเทศต่างกำหนดภาษีขั้นต่ำ 125% ต่อสินค้าของกันและกัน
เพื่อเพิ่มความซับซ้อนให้กับสถานการณ์ ทรัมป์ได้ยกเว้นอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งไม่กำหนดระยะเวลา โดยการยกเว้นนี้รวมถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากจีนด้วย แม้ว่าภาษีเดิม 20% ต่อจีน และภาษีศุลกากรอื่นก่อนหน้านั้นจะยังคงมีผล
สถานการณ์ยังคงไม่แน่นอน โดยทรัมป์ได้เริ่มการสอบสวนด้านการค้าต่อกลุ่มสินค้าเซมิคอนดักเตอร์และยา ขณะที่การระงับภาษีตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน ยังคงเว้นไว้ซึ่งภาษีทั่วโลก 10%, อัตรา 25% สำหรับแคนาดาและเม็กซิโก และภาษี 25% ต่อการนำเข้ารถยนต์ แม้ว่าทรัมป์กำลังพิจารณาการยกเว้นชั่วคราวสำหรับภาษีรถยนต์
หลายประเทศพยายามเจรจากับสหรัฐฯ ในช่วงพักรบ 3 เดือนนี้ แต่ยังไม่มีการประกาศข้อตกลงใด ๆ ขณะที่สหภาพยุโรปรายงานว่า การเจรจาไม่คืบหน้า ในขณะที่ทรัมป์เรียกร้องให้จีนกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา
เลวีน กล่าวว่า การประกาศภาษีตอบโต้ในช่วงแรกส่งผลให้ การจองตู้คอนเทนเนอร์จากเอเชียลดลงอย่างมาก ขณะที่การระงับภาษี 90 วันและความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับจีนได้สร้างสถานการณ์ที่ซับซ้อน ส่วนการขนส่งจากจีนยังคงชะงัก ผู้ส่งสินค้าหลายรายที่พึ่งพาประเทศอื่นในเอเชียเริ่มเพิ่มคำสั่งซื้ออีกครั้ง เพื่อเร่งนำเข้าสินค้าก่อนที่ภาษีจะกลับมาในเดือนกรกฎาคม
ดัชนี Freightos Baltic Index เน้นไปที่การขนส่งสินค้าแบบตู้คอนเทนเนอร์ โดยจะติดตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราค่าบริการเฉพาะของตู้คอนเทนเนอร์ในเส้นทางต่างๆ ทั่วโลก รายงานว่า ราคาขนส่งจากเอเชียไปยังชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 10% อยู่ที่ 2,465 ดอลลาร์ต่อหน่วยตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุต (FEU) สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 11 เมษายน ส่วนราคาสำหรับชายฝั่งตะวันออกเพิ่มขึ้น 3% อยู่ที่ 3,647 ดอลลาร์ต่อ FEU
แม้การเร่งขนส่งสินค้าล่วงหน้าอาจเป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาคอนเทนเนอร์จากจีน ไต้หวัน และเวียดนามเข้าสู่ท่าเรือลองบีช แคลิฟอร์เนีย พุ่งสูงก่อนวันที่ 9 เมษายนซึ่งเป็นวันเริ่มภาษีตอบโต้
แต่ข้อมูลจาก Freightos แสดงว่า ราคาขนส่งจากเซี่ยงไฮ้ลดลง 16% นับตั้งแต่ภาษีมีผล ขณะที่ราคาจากไต้หวันและเวียดนามยังคงสูง ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการปรับเปลี่ยนฐานการผลิตในภูมิภาค
ภาษีศุลกากรที่รุนแรงต่อสินค้าจีนทำให้การจองตู้ส่งออกลดลงอย่างมาก มีรายงานว่ามีการยกเลิกการเดินเรือเพิ่มขึ้นในเส้นทางนี้เมื่อความต้องการตกต่ำ ผู้นำเข้าสหรัฐฯ หลายรายได้เร่งสั่งสินค้าล่วงหน้าตั้งแต่การเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน คาดการณ์ภาษีจะเพิ่มขึ้น ทำให้มีสินค้าคงคลังมากพอที่จะหยุดชั่วคราวและประเมินสถานการณ์ก่อนตัดสินใจขั้นต่อไป
สำหรับผู้ส่งสินค้าในเส้นทางอื่น การพักภาษี 90 วัน เป็นโอกาสอีกครั้งในการเร่งนำเข้าสินค้าก่อนที่ภาษีจะเพิ่มขึ้น
ซึ่งอาจทำให้ความต้องการขนส่งทางทะเลเพิ่มขึ้นในระยะสั้น และตามมาด้วยความต้องการที่ลดลงหลังหมดเส้นตาย รูปแบบนี้บ่งชี้ว่า “ฤดูพีค” ของการขนส่งประจำปีอาจเงียบกว่าปกติ เนื่องจากคำสั่งซื้อจำนวนมากถูกเลื่อนขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
ราคาขนส่งจากเอเชียไปยังยุโรปเหนือ ลดลง 1% เหลือ 2,365 ดอลลาร์ต่อ FEU ขณะที่เส้นทางเอเชีย–เมดิเตอร์เรเนียน ลดลง 5% เหลือ 2,751 ดอลลาร์ต่อ FEU
ความจำเป็นในการยกเลิกการเดินเรือจากจีน ขณะที่อาจต้องเพิ่มบริการจากแหล่งอื่นในเอเชีย ทำให้ผู้ให้บริการขนส่งทางทะเลเผชิญความท้าทาย และอาจทำให้ผู้ส่งสินค้าประสบกับความล่าช้า ความเข้มข้นของตู้คอนเทนเนอร์เปล่าในจีนยังมีแนวโน้มเพิ่มปัญหาเหล่านี้ไปอีก ค่าธรรมเนียมพิเศษในเส้นทางแอตแลนติกที่ประกาศสำหรับเดือนพฤษภาคม อาจบ่งชี้ถึงความคาดหวังของผู้ให้บริการว่าผู้ส่งสินค้าจะเร่งขนส่งล่วงหน้าก่อนเส้นตายเดือนกรกฎาคม
แม้ว่าราคาขนส่งโดยรวมจากเอเชียไปยังอเมริกาเหนือจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากการขึ้นราคาทั่วไปต้นเดือน แต่ราคาประจำวันก็กลับลดลงจากที่เพิ่มขึ้นไปบางส่วนแล้ว รูปแบบความต้องการระหว่างจีนกับประเทศอื่นในเอเชีย อาจสะท้อนให้เห็นในราคาที่แตกต่างกันตามคู่ท่าเรือ
บริษัท Maersk ประกาศเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับฤดูพีค มีผลวันที่ 15 พฤษภาคม 2,000 ดอลลาร์ต่อ FEU สำหรับการขนส่งจากเอเชียไปยังสหรัฐฯ และแคนาดา และ 750 ดอลลาร์ต่อ FEU สำหรับการส่งสินค้าจากตุรกีและอียิปต์ไปยังสหรัฐฯ
ขณะที่ Hapag-Lloyd ซึ่งเป็นพันธมิตรของ Maersk ในโครงการ Gemini Cooperation ประกาศเรียกเก็บค่าธรรมเนียมฤดูพีค 2,000 ดอลลาร์ต่อ FEU สำหรับการขนส่งจากเอเชียตะวันออกไปยังอเมริกาเหนือ มีผลวันที่ 12 พฤษภาคม
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 25 เมษายน 2568