ญี่ปุ่น-จีน-เกาหลีใต้ จับมืออาเซียน เปิดแหล่งกู้ฉุกเฉินใหม่ รับมือวิกฤต เสริมภูมิคุ้มกันภูมิภาค
ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ และอาเซียน เห็นชอบเปิดแหล่งเงินกู้ฉุกเฉินใหม่ภายใต้ CMIM รับมือวิกฤตโรคระบาดและภัยธรรมชาติ หวังเสริมความมั่นคงการเงินภูมิภาคเอเชีย
ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ และกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในการยกระดับกลไกรับมือวิกฤตทางการเงินในภูมิภาค ด้วยการเปิดตัวแหล่งเงินกู้ใหม่เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน โดยเน้นตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อวิกฤตที่เกิดจากโรคระบาดหรือภัยธรรมชาติ ถือเป็นการเสริมเกราะป้องกันให้กับระบบการเงินของเอเชียในยามเกิดแรงสั่นสะเทือนที่ไม่คาดคิด
ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นในการประชุมรัฐมนตรีคลังของกลุ่มอาเซียนบวกสาม (ASEAN+3) ซึ่งประกอบด้วยอาเซียน ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ที่จัดขึ้น ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันในการจัดตั้งกลไกเงินกู้ฉุกเฉินใหม่นี้ภายใต้กรอบ “ความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี” หรือ Chiang Mai Initiative Multilateralization (CMIM) ซึ่งเป็นกลไกด้านการเงินที่ก่อตั้งขึ้นหลังวิกฤตต้มยำกุ้งปี 1997-1998 เพื่อป้องกันความเปราะบางทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย
CMIM ในปัจจุบันมีมูลค่าเงินทุนรวมกว่า 240,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ใช้เป็นทุนสำรองในการดูแลเสถียรภาพทางการเงินของประเทศสมาชิก โดยญี่ปุ่นและจีนเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุด รายละ 76,800 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เกาหลีใต้สนับสนุน 38,400 ล้านดอลลาร์ และ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนรวมกันสนับสนุนอีก 48,000 ล้านดอลลาร์
เดิมที CMIM มีเครื่องมือทางการเงิน 2 ประเภท ได้แก่ เครื่องมือแก้ปัญหาเมื่อเกิดวิกฤต (crisis resolution instrument) และสายป้องกันล่วงหน้า (precautionary line) แต่ที่ผ่านมากลับไม่เคยถูกนำมาใช้งานจริง เนื่องจากประเทศสมาชิกมักเลือกพึ่งพาเครื่องมือทางการเงินอื่นที่มีขั้นตอนการอนุมัติและตัดสินใจที่รวดเร็วกว่า เช่น การใช้สายการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศแบบทวิภาคี (bilateral swap lines)
ด้วยบทเรียนจากวิกฤตในอดีตและความท้าทายใหม่ที่โลกเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ทั้งการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงภัยธรรมชาติต่าง ๆ ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น การประชุมในครั้งนี้จึงมุ่งปรับปรุงกลไกให้มีความยืดหยุ่นและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องการความรวดเร็วในการตอบสนอง
แหล่งเงินกู้ฉุกเฉินใหม่นี้ จะอนุญาตให้ประเทศสมาชิกสามารถเข้าถึงเงินทุนได้โดยไม่มีเงื่อนไขล่วงหน้า ในกรณีที่เกิดวิกฤตทางการเงินอย่างเฉียบพลันจากเหตุสุดวิสัย ถือเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับประเทศในภูมิภาคในการรับมือกับแรงกระแทกจากภายนอก ทั้งยังช่วยลดการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากนอกภูมิภาค เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
"เรามีความเชื่อมั่นว่า กลไกใหม่ภายใต้ CMIM นี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับความมั่นคงทางการเงินของภูมิภาค" กลุ่มรัฐมนตรีคลังจากอาเซียนบวกสามระบุในแถลงการณ์ร่วม
การเดินหน้าพัฒนากลไกความร่วมมือด้านการเงินเชิงรุกระหว่างประเทศในเอเชีย ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่สะท้อนถึงความตั้งใจของภูมิภาคในการยืนหยัดอย่างเป็นเอกภาพเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก ทั้งยังตอกย้ำบทบาทของอาเซียน ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ในฐานะกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของเอเชียในระยะยาว
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 6 พฤษภาคม 2568