เบื้องลึกดีลเวียดนามของ Trump Organization ในมือธุรกิจครอบครัว
เมื่ออาณาจักรธุรกิจตระกูลทรัมป์ยังเดินหน้าผ่านรุ่นลูก เวียดนามกลายเป็นหมุดหมายใหม่ของ Trump Organization ท่ามกลางจังหวะการทูตเศรษฐกิจสหรัฐฯ–เวียดนาม
Trump Organization กลับมาเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง เมื่อรัฐบาลเวียดนามเปิดไฟเขียวให้เดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดยักษ์ใกล้กรุงฮานอย ด้วยเม็ดเงินลงทุนสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นอย่าง Kinhbac City
โครงการนี้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 990 เฮกตาร์ หรือราว 2,446 เอเคอร์ ประกอบด้วยสนามกอล์ฟ รีสอร์ต โรงแรม และที่อยู่อาศัยทันสมัย โดยมีกำหนดเริ่มภายในไตรมาสนี้ และคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการไปจนถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2029
การอนุมัติโครงการเกิดขึ้นในจังหวะสำคัญที่เวียดนามอยู่ระหว่างการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ท่ามกลางแรงกดดันจากภาษีนำเข้าระดับสูงที่อาจแตะ 46% ทำให้การดึงดูดการลงทุนจากบริษัทสัญชาติอเมริกันระดับโลกอย่าง Trump Organization กลายเป็นสัญญาณสำคัญเชิงยุทธศาสตร์
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคม Kinhbac City ได้ประกาศเปิดตัวโครงการนี้อย่างเป็นทางการ โดยไม่มีการปฏิเสธจากทั้งฝั่งเวียดนามหรือ Trump Organization ขณะเดียวกัน
รายงานจากรอยเตอร์สในเดือนมีนาคมเผยว่า ทรัมป์และพันธมิตรกำลังพิจารณาพัฒนาโรงแรมและสนามกอล์ฟในเวียดนามรวมมากถึง 4 แห่ง โดยมีแผนเปิดให้บริการสนามกอล์ฟ 2 แห่งแรกภายในกลางปี 2027
แม้เวียดนามจะมีสนามกอล์ฟอยู่แล้วประมาณ 70 แห่ง แต่ด้วยประชากร 100 ล้านคนและนักกอล์ฟในประเทศกว่า 100,000 คน ก็ยังถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสำหรับโครงการระดับไฮเอนด์
อีกด้านหนึ่ง เอกสารจากทางการนครโฮจิมินห์ที่รอยเตอร์สเข้าถึง ระบุว่า เอริก ทรัมป์ รองประธาน Trump Organization และบุตรชายของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมเดินทางเยือนเวียดนามในสัปดาห์นี้ เพื่อสำรวจพื้นที่พัฒนา Trump Tower ใจกลางกรุงโฮจิมินห์ และหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือ
Trump Organization ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1927 โดยเริ่มจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในนิวยอร์ก และหลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์เข้ามาบริหารในปี 1971 องค์กรได้ขยายไปสู่โรงแรม สนามกอล์ฟ ความบันเทิง การจัดการทรัพย์สิน นายหน้า และการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ
ในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างปี 2017–2020 ได้วางมือจากบทบาทใน Trump Organization เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางผลประโยชน์ โดยจัดตั้งทรัสต์และถ่ายโอนอำนาจบริหารไปยังลูก ๆ ของเขา ได้แก่ Ivanka Trump ที่ดูแลธุรกิจโรงแรม, Donald Trump Jr. ที่รับผิดชอบสนามกอล์ฟ และ Eric Trump ที่ดูแลโรงกลั่นไวน์และโครงการใหม่ๆ
Trump Organization ยังคงดำเนินโครงการมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในธุรกิจหลักของตน โดยเฉพาะสนามกอล์ฟ โรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ และเวียดนามกำลังกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ใหม่ที่ธุรกิจครอบครัวนี้ให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อต้นปีนี้ รัฐบาลเวียดนามภายใต้รองนายกรัฐมนตรี ทราน ฮอง ฮา ได้อนุมัติให้ Trump Organization ร่วมกับบริษัทเวียดนาม Kinhbac City เดินหน้าโครงการอสังหาริมทรัพย์มูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ บนพื้นที่เกือบ 1,000 เฮกตาร์ ใกล้กรุงฮานอย โดยจะมีทั้งสนามกอล์ฟ โรงแรม รีสอร์ต และที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ เริ่มก่อสร้างภายในปีนี้และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2029
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า เอริก ทรัมป์ ลูกชายของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมเดินทางไปกรุงโฮจิมินห์เพื่อเจรจาเรื่อง Trump Tower อีกแห่งในเวียดนาม ซึ่งจะกลายเป็นตึกสูงระฟ้าใจกลางเมือง
การขยับบตัว Trump Organization สู่เวียดนามเกิดขึ้นในช่วงที่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนามกำลังเคลื่อนสู่จุดแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งสองประเทศได้ยกระดับความร่วมมือสู่ระดับ “พันธมิตรทางยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุม” ตั้งแต่เดือนกันยายน 2023 และยังมีช่องว่างอีกมากสำหรับการขยายการลงทุนของสหรัฐฯ ในเวียดนาม
แม้สหรัฐฯ จะเป็นหนึ่งในคู่ค้ารายใหญ่ของเวียดนามมานาน แต่ปริมาณการลงทุนโดยตรงจากฝั่งอเมริกันยังอยู่ในระดับที่สามารถเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในบริบทที่เวียดนามเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าการส่งออกจากเวียดนามไปยังสหรัฐฯ ในปี 2024 จะมีมูลค่าสูงถึง 30% ของ GDP เวียดนาม
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง ได้เริ่มใช้มาตรการภาษีศุลกากรกับสินค้าจากหลายประเทศ และกำหนดเส้นตายวันที่ 2 เมษายน สำหรับการตอบโต้ทางภาษีกับประเทศคู่ค้ารายสำคัญ ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อประเทศในภูมิภาคที่ต้องการรักษาสัมพันธภาพการค้าในระดับที่มั่นคง
เวียดนามจึงเร่งเดินหน้าเชิงรุกในการกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ ทั้งในแง่การเพิ่มการนำเข้าสินค้าอเมริกัน การลดภาษี และการลดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี โดยบริษัทเวียดนามหลายราย เช่น VietJet ได้ลงนามในสัญญาขนาดใหญ่กับพันธมิตรฝั่งสหรัฐฯ
ตัวอย่างที่สะท้อนจุดยืนเชิงเปิดกว้างของเวียดนามคือ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม รัฐบาลได้อนุญาตให้ SpaceX ของ Elon Musk เริ่มโครงการนำร่องให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำ (Starlink) โดยไม่มีการจำกัดเรื่องโครงสร้างผู้ถือหุ้น เงินทุน หรือสัดส่วนของนักลงทุนต่างชาติ โครงการนี้จะทดลองใช้งานเป็นเวลา 5 ปี และรองรับผู้ใช้สูงสุดถึง 600,000 ราย
ก่อนหน้านั้น เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ รัฐมนตรีอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม Nguyen Hong Dien ได้หารือกับเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ Marc E. Knapper ซึ่งยืนยันว่า ภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ นำมาใช้นั้นไม่ได้มีเป้าหมายตรงที่เวียดนาม พร้อมย้ำว่าสหรัฐฯ ต้องการรักษาและพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศในทิศทางบวก โดยเฉพาะในประเด็นใหม่ ๆ เช่น พลังงานสะอาด ความมั่นคงด้านอาหาร เทคโนโลยีขั้นสูง และการรับมือกับปัญหาสภาพภูมิอากาศ
การเคลื่อนตัวของ Trump Organization จึงไม่ใช่เพียงการลงทุนทางธุรกิจ แต่ยังเป็นสัญญาณของการตอบรับโอกาสทางเศรษฐกิจในพื้นที่ที่สหรัฐฯ กำลังให้ความสนใจ โดยเฉพาะเมื่อองค์กรนี้มีชื่อเสียงด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ ทั้งโรงแรม สนามกอล์ฟ และโครงการพัฒนาในหลายประเทศทั่วโลก
แน่นอนครับ ต่อไปนี้คือ บทแปลภาษาไทยแบบถูกต้องและครบถ้วน จากต้นฉบับข่าวที่คุณให้มา
อาณาจักรธุรกิจของครอบครัวทรัมป์ จากอสังหา คริปโต ไปจนถึงไวน์และเสื้อผ้า :
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นที่รู้จักมายาวนานในฐานะนักธุรกิจ ก่อนจะก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมือง และไม่เพียงแต่ตัวเขาเท่านั้น สมาชิกในครอบครัวของทรัมป์ยังมีบทบาทเกี่ยวข้องกับธุรกิจในหลายภาคส่วน ตั้งแต่คริปโตเคอร์เรนซี อสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงเครื่องดื่มและเครื่องแต่งกาย
ต่อไปนี้คือธุรกิจต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับทรัมป์หรือสมาชิกในครอบครัว
Trump Organization :
Trump Organization เป็นบริษัทที่ครอบครัวทรัมป์มีชื่อเสียงมากที่สุด โดยมีลูกชายสองคนคือ เอริก ทรัมป์ และ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหาร และเป็นผู้บริหารบริษัทมาตั้งแต่ปี 2017 ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ทางการของ Trump Organization
บริษัทมีทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงจำนวนมาก เช่น โรงแรม สนามกอล์ฟ อาคารพาณิชย์ และยังดำเนินธุรกิจให้สิทธิ์การใช้ชื่อ "Trump" กับโครงการอื่น ๆ อีกด้วย
ตามแผนจริยธรรมที่ USA Today ได้รับและเผยแพร่ Trump Organization และ Donald J. Trump Revocable Trust จะถือครองการลงทุนและสินทรัพย์ทางธุรกิจทั้งหมดไว้ในความดูแลของบุตรชายของทรัมป์ ขณะที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยระบุว่า ทรัมป์จะ “ไม่มีบทบาทในการตัดสินใจในกิจการประจำวันของบริษัท” และการลงทุนจะถูกจัดการอย่างอิสระโดยสถาบันการเงินภายนอก
เหรียญมีม TRUMP :
เหรียญคริปโตมีมชื่อ $TRUMP เปิดตัวเมื่อวันที่ 17 มกราคม โดยระบุในเว็บไซต์ว่าเป็น “สินทรัพย์ดิจิทัลแบบสามารถทดแทนได้ (fungible crypto assets)” บนบล็อกเชน Solana
มีแผนจะปล่อยเหรียญ $TRUMP ออกมา 1 พันล้านโทเคนภายใน 3 ปี โดยช่วงแรกเปิดให้ถือครองได้ 200 ล้านโทเคน
เหรียญมีม MELANIA :
หลังจากเหรียญ TRUMP เปิดตัว เมลาเนีย ทรัมป์ ภริยาของประธานาธิบดี ก็เปิดตัวโทเคน MELANIA ซึ่งเป็นเหรียญมีมที่ใช้เพื่อการสะสมและความบันเทิงเท่านั้น ตามที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ทางการ
Trump Media & Technology Group (TMTG) :
เครือข่ายโซเชียลมีเดีย Truth Social อยู่ภายใต้บริษัท Trump Media & Technology Group Corp.
จากเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ (SEC) ในเดือนธันวาคมปีที่เเล้ว ทรัมป์ได้โอนหุ้นจำนวน 114.75 ล้านหุ้นในบริษัทนี้เข้าสู่ Donald J. Trump Revocable Trust ผู้ดูแลทรัสต์คือ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ซึ่งมีอำนาจในการออกเสียงและลงทุนในหุ้นทั้งหมดที่ทรัสต์ถือครอง
Trump Media เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใต้ชื่อย่อหุ้น “DJT” เมื่อฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้ว โดยมีมูลค่าตลาด (Market Cap) มากกว่า 7 พันล้านดอลลาร์
แบรนด์เสื้อผ้าออกกำลังกายของ Lara Trump :
Lara Trump ภรรยาของเอริก ทรัมป์ เปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้าแอคทีฟแวร์ชื่อ LT Brand by Lara Trump Collection เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ประกอบด้วยเลกกิ้ง สปอร์ตบรา เสื้อยืด และเครื่องแต่งกายอื่น ๆ
เธอกล่าวในอินสตาแกรมว่า ในฐานะนักไตรกีฬา อดีตนักวิ่ง ภรรยา แม่ และผู้ประกอบการ ฉันอยากสร้างสิ่งที่สะท้อนความหลงใหล ความเชื่อ และไลฟ์สไตล์ของฉัน LT Brand ผสมผสานสไตล์ ความสบาย และประสิทธิภาพ พร้อมสนับสนุนแรงงานและโรงงานในอเมริกา
World Liberty Financial :
World Liberty Financial (WLF) เป็นแพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ในเว็บไซต์ระบุว่า DT Marks DEFI LLC ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับทรัมป์และสมาชิกในครอบครัว เป็นเจ้าของหุ้นประมาณ 60% ใน WLF Holdco LLC ซึ่งเป็นเจ้าของ World Liberty Financial แม้ไม่มีใครในครอบครัวทรัมป์จะเป็นกรรมการหรือพนักงานใน WLF โดยตรง แต่ เอริก ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งผู้จัดการในคณะกรรมการของ WLF Holdco LLC
นอกจากนี้ DT Marks DEFI LLC และสมาชิกครอบครัวทรัมป์ ยังถือครองโทเคน WLFI จำนวน 22.5 พันล้านโทเคน และมีสิทธิ์รับรายได้จากการขายโทเคนสูงถึง 75% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและเงินสำรอง ตามสัญญาบริการที่ระบุไว้ในเว็บไซต์
ก่อนการเปิดตัวโครงการนี้ ทรัมป์และลูกชายทั้งสองได้โพสต์โปรโมตผ่านโซเชียลมีเดีย
Trump Winery
เอริก ทรัมป์ ยังดำรงตำแหน่งประธาน Trump Winery ซึ่งเป็นไร่องุ่นขนาด 1,300 เอเคอร์ในเมืองชาร์ลอตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย
เว็บไซต์ของไร่ไวน์ระบุว่า Trump Winery จดทะเบียนในชื่อทางการค้าของ Eric Trump Wine Manufacturing LLC ซึ่งไม่ได้เป็นเจ้าของบริหาร หรือมีความเกี่ยวข้องกับ Donald J. Trump หรือบริษัทในเครือของเขา
Trump Winery ผลิตไวน์หลากหลายชนิด ได้แก่ ไวน์แดง ขาว สปาร์กลิง และโรเซ่
เมื่อวันเปิดงานสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์ยังเปิดตัวไวน์สปาร์กลิงรุ่นพิเศษชื่อ “Presidential Reserve” ที่มีเพียง 4,547 กล่อง ราคาขวดละ 245 ดอลลาร์ นอกจากนี้ยังเริ่มบุกตลาดไซเดอร์เมื่อปีที่ผ่านมา
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 22 พฤษภาคม 2568