อีลอน มัสก์ ถอนตัวจากรัฐบาลทรัมป์ เหตุผลักดันโครงการประหยัดงบฯ ไม่สำเร็จ
อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีสหรัฐฯ เจ้าพ่อเทสลาปิดฉากการทำงานกับรัฐบาลทรัมป์ อย่างไม่เป็นทางการ หลังใช้เวลา 130 วันพยายามปฏิรูปภาครัฐ แต่ไม่เป็นไปตามเป้า
29 พฤษภาคม 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและซีอีโอบริษัทเทสลา ประกาศถอนตัวจากการทำงานในรัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากดำรงตำแหน่งพนักงานรัฐบาลพิเศษในกรมประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) เป็นเวลา 130 วัน
การจากไปของมัสก์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่เป็นทางการ โดยเขาไม่ได้คุยกับทรัมป์โดยตรงก่อนประกาศออกจากตำแหน่ง ตามที่แหล่งข่าวในทำเนียบขาวเปิดเผยว่า "การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส"
ความขัดแย้งจากร่างกฎหมายภาษี :
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อมัสก์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายภาษีของพรรครีพับลิกันเมื่อวันอังคาร โดยระบุว่า "ผมผิดหวังกับร่างกฎหมายใช้จ่ายขนาดใหญ่นี้ ซึ่งจะเพิ่มการขาดดุลงบประมาณแทนที่จะลดลง และทำลายผลงานของทีม DOGE"
ความเห็นดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงในทำเนียบขาว รวมถึงรองหัวหน้าเจ้าหน้าที่สตีเฟน มิลเลอร์ รู้สึกไม่พอใจ และทำให้ทำเนียบขาวต้องติดต่อวุฒิสมาชิกรีพับลิกันเพื่อย้ำการสนับสนุนของทรัมป์ต่อแพ็กเกจดังกล่าว
จากดาวรุ่งสู่การสูญเสียอิทธิพล :
ในช่วงแรกหลังการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ มัสก์กลายเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมากในวงใน ด้วยการแสดงตัวอย่างเปิดเผยและไม่ยึดติดกับกรอบเดิม ในงาน Conservative Political Action Conference เดือนกุมภาพันธ์ เขาถือเลื่อยโซ่สีแดงขึ้นมาโบกท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้ร่วมงาน พร้อมกล่าวว่า "นี่คือเลื่อยโซ่สำหรับระบบราชการ"
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป สมาชิกคณะรัฐมนตรีหลายคนเริ่มระมัดระวังต่อกลยุทธ์ของเขามากขึ้น และกล้าที่จะต่อต้านการตัดงบบุคลากรที่เขาเสนอ หลังจากทรัมป์เตือนในช่วงต้นเดือนมีนาคมว่าการตัดสินใจเรื่องบุคลากรเป็นอำนาจของรัฐมนตรีแต่ละคน ไม่ใช่ของมัสก์
ความขัดแย้งกับเหล่ารัฐมนตรี :
ตลอดระยะเวลาที่ทำงาน มัสก์เกิดความขัดแย้งกับรัฐมนตรีระดับสูง 3 คน ได้แก่ รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีคมนาคมฌอน ดัฟฟี และรัฐมนตรีการคลัง สก็อต เบสเซนต์
นอกจากนี้ เขายังเรียกที่ปรึกษาการค้า ปีเตอร์ นาวาร์โร ว่าเป็น "คนโง่" และ "โง่กว่าถุงทราย"
แม้จะไม่บรรลุเป้าหมายการประหยัดงบประมาณ 2 ล้านล้านดอลลาร์ตามที่เคยประกาศไว้ แต่ทรัมป์และ DOGE ยังคงสามารถลดบุคลากรรัฐบาลพลเรือนได้เกือบ 12% หรือประมาณ 260,000 คน จากจำนวนทั้งหมด 2.3 ล้านคน ผ่านการขู่ไล่ออก การซื้อออก และการเสนอแพ็กเกจเกษียณก่อนกำหนด
ในการประชุมผู้ถือหุ้นเทสลาเมื่อวันที่ 22 เมษายน มัสก์ได้บ่งชี้ว่าเขาจะลดบทบาทในรัฐบาลลงอย่างมีนัยสำคัญเพื่อกลับไปมุ่งเน้นธุรกิจของตัวเอง
DOGE ยังคงดำเนินต่อไป :
แม้มัสก์จะออกไป แต่รัฐบาลระบุว่าภารกิจของ DOGE ในการปรับโครงสร้างและลดขนาดรัฐบาลกลางจะดำเนินต่อไป มัสก์กล่าวว่า "ภารกิจของ DOGE จะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อมันกลายเป็นวิถีชีวิตทั่วทั้งรัฐบาล"
การออกจากตำแหน่งของมัสก์เกิดขึ้นท่ามกลางความกดดันจากนักลงทุนที่เรียกร้องให้เขากลับไปบริหารเทสลาให้ใกล้ชิดมากขึ้น หลังจากบริษัทประสบปัญหายอดขายและราคาหุ้นที่ปรับตัวลง
มัสก์ซึ่งเป็นคนรวยที่สุดในโลก เคยใช้เงินเกือบ 300 ล้านดอลลาร์สนับสนุนการหาเสียงของทรัมป์และพรรครีพับลิกันในปีที่แล้ว แต่ล่าสุดประกาศว่าจะลดการใช้จ่ายทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ โดยกล่าวว่า "ผมคิดว่าผมทำเพียงพอแล้ว"
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 29 พฤษภาคม 2568