"ศก.ไทย" ขยับใกล้วิกฤติ เราพร้อมรับมือแค่ไหน
เราผ่าน "วิกฤติโควิด" มาแล้วกว่า 3 ปี แต่ต้องบอกว่าช่วง 3 ปีที่ผ่านมา "เศรษฐกิจไทย" ยังไม่เคยรับรู้ถึงคำว่า "เศรษฐกิจดี" เลยแม้แต่นิดเดียว
และเวลานี้ดูเหมือนเศรษฐกิจไทยจะผ่านช่วงเวลาที่ขยายตัวสูงสุดของวัฏจักรรอบนี้ไปแล้ว หลังจากนี้มีแต่จะดิ่งหัวลง ในขณะที่หน่วยงานเศรษฐกิจสำคัญๆ หลายแห่งไม่ว่าจะเป็น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เศรษฐกิจไทยกำลังเข้าสู่ภาวะชะลอตัว โดยน่าจะมีจุดต่ำสุดคือช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
คำถามคือ “รัฐบาล” กำลังทำอะไรอยู่แล้วรู้หรือไม่ว่า “ประชาชนเดือดร้อนหนัก” และจะเดือดร้อนมากขึ้นจากพิษเศรษฐกิจที่กำลังดิ่งเหวลง เราเข้าใจรัฐมนตรีและข้าราชการหลายๆ ท่านที่เป็นมืออาชีพ มีหลายนโยบายที่พวกท่านอยากทำเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจแต่ไม่สามารถทำได้เพราะ “รัฐบาล” ที่มีนักการเมืองกุมอำนาจใหญ่มัวแต่คิดว่าจะจัดสรรงบอย่างไรเพื่อที่พรรคตัวเองจะได้ประโยชน์สูงสุดทางการเมือง มองแต่คะแนนเสียงของพรรคตัวเองเป็นที่ตั้งไม่ได้คำนึงถึงส่วนรวมเป็นหลัก
สาเหตุที่หน่วยงานเศรษฐกิจต่างๆ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยกำลังย่ำแย่ลง ส่วนหนึ่งเพราะผลของ “ภาษีทรัมป์” จะแสดงอาการชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะกับภาคการส่งออก รวมไปถึงภาคการผลิตและการลงทุน ซึ่งตอนนี้เราก็เริ่มเห็นสัญญาณเหล่านี้บ้างแล้ว โดยเฉพาะ “การลงทุน” ที่เริ่มชะลอตัว ...เดิมเชื่อกันว่าการลงทุนภาคเอกชนจะเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีนี้ แต่ความไม่ชัดเจนจากภาษีทรัมป์ที่สุดท้ายไม่รู้จะคิดกับแต่ละประเทศ รวมถึงประเทศไทยในอัตราเท่าไร ทำให้นักธุรกิจเริ่มที่จะ “หยุดดู” จนกว่าจะเห็นความชัดเจนจากการเจรจาการค้ากับสหรัฐ
นอกจากนี้อีกเครื่องยนต์ที่มีความสำคัญกับเศรษฐกิจไทยมากช่วงหลังโควิด คือ “การท่องเที่ยว” ตอนนี้เราเห็นสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลงไปมากโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเกิดจากหลายๆ ปัจจัย หนึ่งในปัจจัยเหล่านี้เพราะเราทำตัวเองกันด้วย ...รายงานล่าสุดจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจของมาสเตอร์การ์ด ชี้ว่า กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในสี่เมืองที่นักท่องเที่ยวถูกฉ้อโกงมากสุดจากรถแท็กซี่และรถเช่า ปัญหาเหล่านี้สร้างวิกฤติความเชื่อมั่นและส่งผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรมกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจีน
ผลกระทบเหล่านี้กำลังแสดงผลที่ชัดเจนมากขึ้น ภาพจึงชัดว่าเครื่องยนต์ที่เคยช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอดีตกำลังจะแผ่วลง มองไปข้างหน้ายังไม่เห็นว่าจะมีเครื่องยนต์ตัวไหนที่ผลักดันให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เลย เราหวังว่า “รัฐบาล” จะตื่นรู้มองถึงประโยชน์ของประเทศมากกว่าของพรรคหรือแม้แต่ของพวกตัวเอง เวลานี้มีแต่กำลังของรัฐบาลเท่านั้นที่จะพาประเทศไทยฝ่าพายุลูกใหม่ที่กำลังมาเยือน
อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิมนุษยชนและนักวิจารณ์หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่ามาตรการดังกล่าวอาจเข้าข่ายการเลือกปฏิบัติและละเมิดสิทธิมนุษยชน
คำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2025 และคาดว่าจะเผชิญกับการท้าทายทางกฎหมายจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนและองค์กรต่างๆ
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 4 มิถุนายน 2568