ธนาคารโลกหั่นจีดีพีไทยปี 2568 ลง 1.1% เหลือคาดการณ์เติบโตเพียง 1.8%
ธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยปี 2568 ลง 1.1% เหลือ 1.8% จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง พร้อมปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกเหลือ 2.3% โตช้าที่สุดในรอบ 17 ปี นับตั้งแต่ปี 2551
ซีเอ็นบีซีรายงานว่า ธนาคารโลกได้รายงาน Global Economic Prospects โดยปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 2568 ลง 1.1% โดยคาดว่า เศรษฐกิจจะเติบโตที่ 1.8% จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั่วโลก
สำหรับเศรษฐกิจโลก ธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 2.3% ในปี 2568 จากผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการค้า ซึ่งลดลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 2.7%
“นี่จะถือเป็นอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 โดยไม่นับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก” ธนาคารระบุในรายงาน Global Economic Prospects
อินเดอร์มิต กิลล์ รองประธานอาวุโสและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกลุ่มธนาคารโลก ได้ระบุในรายงานของธนาคารโลกว่า ความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการค้า ได้เปลี่ยนความแน่นอนของนโยบายหลายอย่าง ที่เคยช่วยลดความยากจนขั้นรุนแรงและช่วยขยายความเจริญรุ่งเรืองหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง
นอกจากความกังวลเรื่องความไม่แน่นอนทางการค้าแล้ว ธนาคารโลกยังได้ ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในปี 2568 ลง 0.9% เหลือ 1.4% และ ปรับลดคาดการณ์ GDP ของกลุ่มประเทศยูโรโซนลง 0.3% เหลือ 0.7%
"ความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์อาจจะดีขึ้นได้ หากประเทศเศรษฐกิจหลักๆ สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าระยะยาวได้สำเร็จ"
กิลล์กล่าวว่า จากการวิเคราะห์ของเรา หากข้อพิพาททางการค้าที่มีอยู่ในปัจจุบันสามารถแก้ไขได้ด้วยข้อตกลงที่ลดอัตราภาษีลงครึ่งหนึ่งจากระดับปัจจุบันภายในสิ้นเดือนพ.ค. 2568 การเติบโตของเศรษฐกิจโลกโดยรวมอาจจะแข็งแกร่งขึ้นได้ประมาณ 0.2% โดยเฉลี่ยในช่วงปี 2568 และ 2569
ขณะนี้ สหรัฐอเมริกาและประเทศคู่ค้าหลายรายกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจา หลังจากที่ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับสหรัฐและจีนมีกำหนดจะพบกันที่ลอนดอนในสัปดาห์นี้ รวมถึงการเจรจาระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐก็ยังคงดำเนินต่อไป ก่อนที่จะสิ้นสุดการผ่อนปรนในเวลาอีกไม่ถึง 1 เดือนข้างหน้า
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 11 มิถุนายน 2568