ปรับครม.แพทองธาร เอกชนขอ "มือเศรษฐกิจ" ทำงานเร็ว-สร้างเชื่อมั่น กู้วิกฤตเศรษฐกิจ ภาษีทรัมป์
เอกชน สะท้อนเสียงปรับครม.แพทองธาร ต้องได้มือเศรษฐกิจแข็งแกร่งสร้างเชื่อมั่น ประสานสิบทิศขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รับมือภาษีทรัมป์ ฟื้นตลาดทุน ผู้ประกอบการท่องเที่ยว หนุน “สรวงศ์” ด้านเอสเอ็มอีชี้ต้องรอบคอบ สร้างเชื่อมั่น ขณะภาคก่อสร้าง ชี้ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ข้าราชการคือกลไกการทำงานรัฐบาล
กระแสร้อนการปรับคณะรัฐมนตรี (ปรับครม.) ของรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” มีโผปรับเปลี่ยนโยกย้ายสลับเก้าอี้ที่ชัดเจน ในหลายกระทรวง โดยมีหมุดหมายให้เกิดความคล่องตัว รับมือสถานการณ์เศรษฐกิจโลกผันผวน สงครามการค้า กำแพงภาษีรัฐบาลสหรัฐอเมริกาท่ามกลาง ปมข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลัง “เขม็งเกลียว”
หลายฝ่ายประเมินว่าประเทศเจอมรสุมรุมเร้า จึงต้องการ โฉมหน้าครม.ใหม่ ที่เป็นมือเศรษฐกิจเก่งรอบด้าน สามารถกอบกู้ เศรษฐกิจประเทศ ให้พ้น “ก้นเหว”สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ในทางกลับกัน ปัจจุบันยังไม่เห็นมือเศรษฐกิจในรัฐบาลชุดนี้ที่ชัดเจนส่งผลให้การแก้สถานการณ์ต่างๆเป็นไปอย่างล่าช้า
โดยเฉพาะในแง่ “ตลาดทุน” มีความผันผวนในหลายมิติ ซึ่งแหล่งข่าวจากวงการกองทุนกล่าวว่าหากมีการปรับครม.เชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ต้องขึ้นกับหน้าตาและคุณสมบัติของรัฐมนตรีที่จะมาใหม่ด้วยเพราะวันนี้จะเห็นว่า รัฐมนตรีบางท่านในปัจจุบันไม่ได้ตอบสนองกับสิ่งที่เกิดขึ้น การตอบสนองในบางเรื่องช้ามาก เพราะฉะนั้น คนที่จะมาใหม่คุณสมบัติพร้อมที่จะออกรบ เพราะประเทศไทยตอนนี้ต้องรบทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง
“ทีมเศรษฐกิจวันนี้ก็ไม่ได้แย่นะ แต่ว่า อํานาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการที่จะไปก่อการ จัดการ องค์ประกอบรอบข้างไม่เบ็ดเสร็จ เพราะฉะนั้น ถ้ามีอํานาจในการที่จะไปจัดการในหลายๆเรื่อง เชื่อว่าจะสามารถประสานความร่วมมือแต่ละกระทรวงได้ วันนี้เชื่อว่าเขามองห็นภาพว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังขาดความเป็นหนึ่งเดียวเหมือนภาพจิ๊กซอว์ที่ต่อไม่ครบ หลายเรื่องจึงไม่ถูกจัดการ”
ไม่ต่างจากแหล่งข่าวอีกราย สะท้อนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทั้งหมดมีคําเดียวเลยคือ ความเชื่อมั่น และขาดการสื่อสารที่ดี อย่างการส่งเสริมการลงทุนนั้น ควรจะที่โฟกัสการลงทุนของบีโอไอว่า มีอุตสาหกรรมไหนที่เข้ามาลงทุนบ้างแล้ว มีเม็ดเงินเท่าไหร่และจะส่งเสริมอุตสาหกรรมไหนบ้าง เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและเข้ามาลงทุน แต่พอพูดเรื่องการลงทุน รัฐบาลกลับไปโฟกัสอยู่เรื่องเดียวคือ เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์
ทางด้าน นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่ากระแสการปรับครม. ที่เกิดขึ้น อาจมีผลต่อจิตวิทยา กับตลาดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทย ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในปัจจุบัน อาจทำให้เกิดการชะลอตัวในการเดินทางท่องเที่ยว ส่วนตลาดต่างประเทศ อาจมีผลต่อการลงทุนจากต่างประเทศ ในการจะตัดสินใจมาประเทศไทย อาจจะต้องรอดูท่าที และ นโยบายของครม ชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้น
ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ภาคเอกชนคาดหวังว่าจะไม่เปลี่ยนตัว นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวฯออกจากเก้าอี้ เนื่องจากเพิ่งมาทำงานได้ 10 เดือน และ มีนโยบาย และ มาตรการที่จะต้องพลิกฟื้นตลาดในครึ่งปีหลัง และงบประมาณลงทุนในระยะกลาง ระยะยาว ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งมีผลต่อการยกระดับการท่องเที่ยวแข่งอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในอนาคต อย่างมีนัยสำคัญ
สอดคล้องกับความเห็นของนายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) ที่มองว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ด้วยการเขย่าตำแหน่งรัฐมนตรีใหม่ ที่เป็นกระแสข่าวในขณะนี้ เราคงเลือกไม่ได้ แต่สำหรับภาคเอกชนมองว่า ถ้าเป็นรมว.ท่องเที่ยวคนเดิมก็ถือว่าดีสุดแล้ว เพราะเราไม่อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย เพราะมองว่าอะไรที่ยังค้างคาอยู่ หรือปัญหาต่างๆ รมว.สรวงส์ ก็รับทราบแล้ว มีข้อมูลที่ครบถ้วน แต่อาจจะมีบางแผนที่ยังไม่ได้ดำเนินการอยู่บ้าง แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงรมต.คนใหม่ ก็ต้องมาศึกษาใหม่ ก็ทำให้เสียเวลาการขับเคลื่อนการทำงาน และกระตุ้นการท่องเที่ยว
อีกทั้งในทางการระหว่างประเทศ เขามองว่าการเมืองยิ่งมีเสถียรภาพเท่าไหร่ ยิ่งดี และเสถียรภาพ ก็หมายถึงไม่มีการปรับเปลี่ยนบ่อย ไม่ใช่ 6 เดือนต้องมาปรับเปลี่ยน เหมือนการเล่นเก้าอี้ดนตรี การปรับครม.ควรจะอยู่บนพื้นฐานความจำเป็น อาทิ ต้องเปลี่ยนเพราะตัวรัฐมนตรีบริหารงานผิดพลาดมากกว่า
นายชัย อรุณานนท์ชัย ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนครม. โดยเฉพาะหากมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของรมว.ท่องเที่ยว จะกระทบต่อการท่องเที่ยวหรือไม่ ผมก็มองว่าต้องดูบริบทของคนที่จะเข้ามานั่งด้วยว่า เขาจะมีนโยบายผลักดันการท่องเที่ยวอย่างไร เพราะการปรับเปลี่ยนคนใหม่ เขาก็จะเอาแนวทางของเขามาด้วย ไม่ค่อยเอาแนวทางคนเก่า ก็ต้องมาเริ่มใหม่ และทำให้การท่องเที่ยวเสียเวลา และรู้สึกเหนื่อยกับการที่ต้องมาเริ่มต้นใหม่ แต่ถ้าเขาเห็นว่าท่องเที่ยวมีผลประโยชน์ในส่วนของการสร้างรายได้ภาคเศรษฐกิจให้กับประเทศหรือหรือประชาชนทั่วไป ผมก็คิดว่าเขาน่าจะต้องมีการมีการผลักดันช่วยเหลือตรงนี้ต่อไป
ขณะที่การดำเนินงานของรมว.ท่องที่ยวคนปัจจุบัน ผมก็มองว่าก็ทําหน้าที่ดีอยู่ เป็นคนกระตือรือร้น ช่วยแก้ไข และผลักดันประโยชน์สูงสุดให้กับการท่องเที่ยว เพียงแต่ท่านเข้ามานั่งเก้าอี้ ในช่วงที่จังหวะไม่ดี คือ มาเจอปัญหาที่การท่องเที่ยวไทย ได้รับผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น การโจมตีเรื่องทุนจีนสีเทา บวกกับกระแสของของโซเชียลต่างๆ ทำให้ภาพรวมของการท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบ ทั้งๆที่หลายเรื่องระหว่างไทย-จีน เป็นเพียงปัญหาส่วนน้อย แต่หวั่นว่าเมื่อมีการปล่อยข่าวไปเรื่อยๆ จะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานยุทธศาสตร์สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การปรับคณะรัฐมนตรีต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบและสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและประชาชน เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยต้องให้ความสำคัญกับการสร้างทีมงาน “Ranger Cabinet” ที่ต้องมีผู้นำที่มีความอดทน กล้าหาญ และตัดสินใจได้อย่างเฉียบขาด โดยเน้นการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการออกแบบนโยบายที่ตอบโจทย์ประเทศและประชาชน การทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานและกระทรวงต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพจะเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว
แม้การปรับคณะรัฐมนตรีจะมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มเสถียรภาพทางการเมือง แต่ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่จากปัจจัยเสี่ยงภายนอก โดยเฉพาะจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและต้นทุนการผลิตในประเทศ
“88% ของเอสเอ็มอีไทยได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก เช่น การเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตและการขาดแคลนวัตถุดิบจากการนำเข้าจากจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย ในขณะที่การส่งออกสินค้าของไทยยังมีการพึ่งพิงธุรกิจขนาดใหญ่ถึง 87% โดยเอสเอ็มอีมีสัดส่วนเพียง 13% การพึ่งพิงการนำเข้าจากจีนมากถึง 47% ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจไทยยังคงมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงในตลาดต่างประเทศ ดังนั้นการลดความพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศและการส่งเสริมการใช้วัตถุดิบและสินค้าภายในประเทศจึงเป็นการปรับโครงสร้างที่สำคัญ”
เช่นเดียวกับ นายกฤษดา จันทร์จำรัสแสง อุปนายก สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงโยกย้ายครม. ไม่กระทบมากนัก เนื่องจากงบประมาณปี2568 จัดสรร จัดหาไปเกือบทั้งหมดแล้ว ซึ่งการเปลี่ยนคนมาบริหารไม่แตกต่าง เนื่องจากคนกำหนดยุทธศาสตร์คือข้าราชการ
“งบประมาณปี2569 ยังอีกยาวไกล ที่จะเบิกจ่าย ที่สำคัญผู้รับเหมารายใหญ่ที่ขึ้นทะเบียนยังคงเดิม ดังนั้น จึงมองว่า ไม่เปลี่ยนแปลงหากใครจะมาเป็นรัฐมนตรี”
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 12-14 มิถุนายน 2568