ท่องเที่ยวฮาลาลทั่วโลกพุ่ง คาดปี 73 แตะ 245 ล้านคน
การท่องเที่ยวฮาลาลทั่วโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ดัชนี Mastercard-Crescent Rating เผยนักท่องเที่ยวมุสลิมระหว่างประเทศต่อเนื่อง คาดปี73 มีจำนวนแตะ 245 ล้านคน ชี้นักท่องเที่ยวมุสลิมหญิงเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญ “มาเลเซีย” ครองแชมป์อันดับ 1 ต่อเนื่อง ขณะที่ “ไทย” โดดเด่นด้านการต้อนรับและการขยายบริการอาหารฮาลาล
นายฟาซาล บาฮาร์ดีน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของเครสเซนต์เรตติ้ง เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวฮาลาลทั่วโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่อย่างมีนัยสำคัญ โดยจากรายงานของ Mastercard-Crescent Rating Global Muslim Travel Index (GMTI) 2025 ฉบับล่าสุดระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวมุสลิมระหว่างประเทศในปี 2567 แตะระดับ 176 ล้านคน เพิ่มขึ้น25% จากปีก่อนหน้า และคาดว่าจะเติบโตถึง 245 ล้านคนภายในปี 2573 โดยคาดว่านักท่องเที่ยวดังกล่าวนี้จะมีการใช้จ่ายถึง 230,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนถึงพลังเศรษฐกิจของตลาดนักท่องเที่ยวมุสลิมที่ไม่ควรมองข้าม
โดยรายงาน GMTI ปีนี้จัดทำขึ้นในวาระครบรอบ 10 ปีของการร่วมมือระหว่าง Mastercard และ CrescentRating ชี้ให้เห็นถึง 5 แนวโน้มหลักที่กำลังกำหนดความต้องการของนักท่องเที่ยวมุสลิมยุคใหม่ ได้แก่
1)แอปพลิเคชั่นอัจฉริยะเพื่อการเดินทางฮาลาล โดยเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในการมอบประสบการณ์ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตมุสลิม เช่น แอปหามัสยิด ร้านอาหารฮาลาล และบริการเฉพาะบุคคล
2)นักท่องเที่ยวมุสลิมหญิงยุคใหม่ ผู้หญิงกำลังก้าวขึ้นมาเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในอุตสาหกรรมนี้ ด้วยความต้องการพื้นที่ปลอดภัยและออกแบบมาอย่างมีความเข้าใจ
3)สิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นมิตรกับมุสลิม เช่น โรงแรมปลอดแอลกอฮอล์ ห้องละหมาด ร้านอาหารฮาลาล สระว่ายน้ำแยกชายหญิง ฯลฯ กำลังกลายเป็นปัจจัยบังคับ
4)กระแส Solo Travel นักท่องเที่ยวมุสลิมรุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียล นิยมเดินทางคนเดียวมากขึ้น ต้องการความยืดหยุ่นและประสบการณ์เฉพาะตน และ 5.รีทรีตปลอดเทคโนโลยี การท่องเที่ยวแนว “Digital Detox” ที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ ศาสนา และความสงบทางจิตใจ กลายเป็นที่ต้องการมากขึ้น
ด้านนายซาฟดาร์ คาน ประธานฝ่ายภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า สำหรับจุดหมายปลายทางที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมุสลิมนั้น รายงานของ GMTI 2025 ระบุว่า กลุ่มประเทศ OIC (องค์การความร่วมมืออิสลาม) มาเลเซีย ครองแชมป์อันดับ 1 ต่อเนื่อง โดยมี ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ร่วมกันครองอันดับ 2
ขณะที่อินโดนีเซียยังคงโดดเด่นจากวัฒนธรรมเข้มข้นและบริการที่ตอบโจทย์ ขณะที่ กาตาร์ โอมาน และคูเวต ต่างก็เร่งปรับตัวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวมุสลิมมากขึ้น
ส่วนกลุ่มประเทศนอก OIC สิงคโปร์ยังคงเป็นผู้นำด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรมและบริการฮาลาล ขณะที่ไทยและฟิลิปปินส์กำลังมาแรง โดยประเทศไทยโดดเด่นด้านการต้อนรับและการขยายบริการอาหารฮาลาล ส่วนฟิลิปปินส์เพิ่มขีดความสามารถด้านอาหารฮาลาลและพื้นที่ละหมาด
นอกจากนี้ ฮ่องกงได้รับการยกย่องให้เป็น “จุดหมายปลายทางมุสลิมที่น่าจับตามองที่สุดแห่งปี” โดยมีโรงแรมที่ได้รับการรับรองจาก CrescentRating ถึง 61 แห่ง และร้านอาหารฮาลาลที่รับรองโดย Islamic Community Fund of Hong Kong ถึง 153 แห่ง
ขณะที่ไต้หวันก็เป็นอีกประเทศที่มีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการท่องเที่ยวฮาลาล โดยมีร้านอาหารและโรงแรมกว่า 230 แห่งได้รับการรับรองฮาลาลจาก Chinese Muslim Association พร้อมครัวแยกสำหรับบริการเฉพาะทาง
“รายงาน GMTI ปีนี้ไม่เพียงแค่ฉลองการเดินทาง 10 ปีร่วมกับ Mastercard แต่ยังเป็นตัวเร่งสำคัญในการกำหนดนโยบายท่องเที่ยวทั่วโลก เรามุ่งมั่นสร้างระบบนิเวศการท่องเที่ยวที่เข้าใจผู้บริโภค ยึดหลักความหลากหลาย และยกระดับคุณภาพบริการให้ครอบคลุมผู้คนทุกศาสนา” นายซาฟดาร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งการสร้างงาน ส่งเสริมผู้ประกอบการท้องถิ่น และผลักดันนโยบายการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน เราพร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อผลักดันการเติบโตแบบมีส่วนร่วม ผ่านนวัตกรรมดิจิทัลและข้อมูลเชิงลึก
ที่มา ประชาชาติธุุรกิจ
วันที่ 20 มิถุนายน 2568