หอการค้า ขอเห็นเสถียรภาพ หลังปรับ ครม. พร้อมชง 2 เรื่องหลัก เร่งสานต่อด่วน
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หลังมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มี 2 เรื่องที่ต้องเร่งทำ คือ
(1)การเจรจากับสหรัฐ เพื่อกำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย อันนี้ถือว่าสำคัญที่สุด เพราะถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายแล้วตามกำหนดของสหรัฐ
(2)เรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การพิจารณางบประมาณประจำปี 2569 ซึ่งเราเห็นตัวอย่างผลกระทบของงบประมาณที่ล่าช้ากว่าปกติในช่วงที่มีการผลัดเปลี่ยนรัฐบาลครั้งล่าสุดแล้วว่า ส่งผลกระทบต่อการดำเนินโครงการของรัฐบาล ที่ต้องใช้งบประมาณตามกำหนดอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ 2 เรื่องนี้มีความสำคัญมากที่ต้องทำให้สำเร็จ
นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ความกังวลเรื่องงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้าน จะเกิดความไม่ต่อเนื่องและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2568 ทำให้การเติบโตของจีดีพีติดลบ อันนี้มองว่ารัฐบาลสามารถป้องกันผลกระทบได้ผ่านการสั่งการในขั้นปฏิบัติการ รัฐมนตรีของแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้องจะต้องสั่งการข้าราชการประจำให้ดำเนินตามแผนงานที่เตรียมไว้ ตั้งแต่ในช่วงต้นของการพิจารณาทุกอย่างให้ครบถ้วนพร้อมส่งมอบให้กับทุกฝ่ายรับไปเดินหน้าตามแผน
เพราะในแต่ละกระทรวงก็มีข้าราชการประจำเป็นผู้ดำเนินการเป็นหลักอยู่แล้ว ถึงจะเปลี่ยนกระทรวงหรือเปลี่ยนอะไรก็ตาม หากมีการดำเนินการไว้ในระดับหนึ่งแล้วถึงขั้นปฏิบัติการ ข้าราชการประจำสามารถเดินหน้าสานต่อได้อยู่แล้ว
“หากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตอนนี้ ประเทศไทยมีเพียงรัฐบาลรักษาการเท่านั้น ข้อกังวลหลักอย่างการเจรจาร่วมกับสหรัฐจะถือว่าน่ากังวลที่สุด เพราะว่าจะเป็นเหตุผลให้กับประเทศที่เรากำลังเจรจาอยู่มีข้อจำกัดในการเจรจา เนื่องจากตอนนี้ถือเป็นโค้งสุดท้ายของการเจรจากันแล้ว หากไม่สำเร็จจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกที่เป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยแน่นอน เท่ากับทางออกสำหรับระยะสั้นในตอนนี้ คือ รัฐบาลควรอยู่ต่อไป แต่ต้องปรับ ครม.ให้มีเสถียรภาพมากขึ้นในการทำงาน” นายวิศิษฐ์ กล่าว
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 22 มิถุนายน 2568