กระทรวงการคลังสหรัฐเผย ต่างชาติแห่ซื้อพันธบัตรสหรัฐเดือนพ.ค. ครั้งใหญ่ในรอบ 3 ปี ดันยอดถือครองสูงกว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์ สวนทาง "จีน" เทขายหนักสุดรอบ 16 ปี

 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ชาวต่างชาติยังคงเข้าซื้อ "พันธบัตรสหรัฐ" อย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้(17 ก.ค.)ระบุว่า ยอดการถือครองพันธบัตรสหรัฐของต่างชาติในเดือนพ.ค.สูงกว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งถือเป็นการซื้อครั้งใหญ่ในรอบเกือบ 3 ปี และเป็นการเข้าซื้อเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน สาเหตุหลักมาจากการที่นักลงทุนนอกเหนือจากจีนกลับมาซื้ออีกครั้ง หลังจากที่ตลาดผันผวนและเงินไหลออกไปบางส่วนในเดือนเม.ย.เนื่องจากประเด็นเรื่องภาษี

 

ปัจจุบัน มูลค่ารวมของการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐโดยชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 9.045 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. จาก 9.013 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. และเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว มูลค่าการถือครองพันธบัตรสหรัฐเพิ่มขึ้นถึง 11.2%

 

ในเดือนพ.ค. นักลงทุนต่างชาติได้เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นมูลค่ารวม 146,000 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่มีเงินไหลออกสูงถึง 40,800 ล้านดอลลาร์ ในเดือนเม.ย. หลังจากการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมาส่งผลให้ตลาดการเงินปั่นป่วน ทั้งราคาหุ้น ดอลลาร์อ่อนค่า และตลาดพันธบัตรสหรัฐผันผวนรุนแรง

 

ทั้งนี้ยอดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐโดยชาวต่างชาติเคยเกิดขึ้นในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาที่ระดับ 9.049 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ใครถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากที่สุด :

 

ขณะนี้นักลงทุนจาก  “ญี่ปุ่น” ยังคงเป็นผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรายใหญ่ที่สุด โดยครองสถิติสูงสุดที่ 1.135 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค.

 

อันดับที่ 2 คือ นักลงทุนจากสหราชอาณาจักร ได้เพิ่มการลงทุนในพันธบัตรเหล่านี้แซงหน้าจีน และแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 8.094 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. สะท้อนผู้ลงทุนรายสำคัญและบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอย่างพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

 

จีนลดถือครองพันธบัตรสหรัฐ ต่ำสุดในรอบ 16 ปี :

 

“จีน” ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรายใหญ่ที่สุด ได้ ลดการถือครองลงอีกในเดือนพ.ค. เหลือเพียง 7.563 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการลดการถือครองเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันและต่ำที่สุดในรอบ 16 ปี นับตั้งแต่เดือนก.พ. 2552 ที่เคยอยู่ที่ 7.442 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

ก่อนหน้านี้จีนเคยถือครองพันธบัตรสหรัฐสูงถึง1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงปี 2555 ถึง 2559

 รอยเตอร์รายงานว่าจีนกำลังขายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อพยุง “ค่าเงินหยวน” โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่าสาเหตุหลักมาจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ปัญหาในภาคอุตสาหกรรมหลังวิกฤติโควิด-19 รวมถึงอุปสรรคทางการค้าต่าง ๆ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนทำให้เงินดอลลาร์ที่ได้จากการส่งออกของจีนลดน้อยลง

 

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

วันที่ 18 กรกฏาคม 2568