EV ไม่พอ! ต้องไร้คนขับด้วย ไทยพร้อมยัง?
วิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อมและความผันผวนด้านพลังงานเป็น "ยากระตุ้น" ให้สังคมทั่วโลกเปลี่ยนผ่านจากยุค "รถยนต์สันดาป" สู่ "รถยนต์ไฟฟ้า" หรือที่เราเรียกติดปากว่า “รถ EV” (Electric vehicle) ทำให้ค่ายผลิตรถยนต์หน้าเดิมและผู้เล่นหน้าใหม่ต่างเดินหน้าขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้นในการพัฒนาวงจรรถยนต์ไฟฟ้าของตน รวมถึงค่ายผู้ผลิตรถยนต์ใน “หลิ่วโจว” เมืองทางตอนกลางของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง
ซึ่งเมืองหลิ่วโจวนั้นให้ความสำคัญกับการพัฒนา “รถ EV” ที่เป็นอุตสาหกรรมเกิดใหม่ในเชิงยุทธศาสตร์ (Emerging Industry) เพิ่มเติมจากรถยนต์สันดาปที่เป็นรากฐานเดิมของเมืองอยู่แล้ว โดย “พระเอก” ของวงการรถยนต์ของกว่างซีอย่าง SGMW (SAIC-GM-Wuling Automobile) ได้ก้าวออกไปตั้งโรงงานผลิต EV ที่ประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย
ปัจจุบัน เมืองหลิ่วโจวมีพื้นฐานอุตสาหกรรมรถ EV ที่แข็งแกร่ง ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ และยังมีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นรากฐานที่ช่วยสนับสนุน ต่อยอดนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนความก้าวหน้าของรถ EV หลิ่วโจวสู่โลกอนาคต โดยเฉพาะการพัฒนายานยนต์ Internet of Vehicles (IoV) ยกระดับขีดความสามารถของเทคโนโลยีตลอดจนการพัฒนาเชิงบูรณาการระหว่าง “ภูมิสารสนเทศ+IoV”
รวมไปถึงการประยุกต์ใช้เพื่อต่อยอดการพัฒนาอย่างอัจฉริยะ และเมืองหลิ่วโจวนั้น เป็น 1 ใน 7 เขตนำร่อง Internet of Vehicles ระดับชาติ ที่ประกอบไปด้วยอีก 6 เขต ได้แก่ เมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซู, เขตซีชิง นครเทียนจิน, นครฉางซา มนฑลหูหนาน, เขตเมืองใหม่เหลี่ยงเจียง นครฉงชิ่ง, เมืองเซียงหยาง มณฑลหูเป่ย และอำเภอเต๋อชิง มณฑลเจ้อเจียง
ซึ่งบริษัทรถยนต์ไร้คนขับอย่าง Guangxi Hongxin Technology ได้ร่วมมือกับบริษัท ZELOS ใช้รถยนต์ไร้คนขับที่ได้รับป้ายทะเบียนชุดแรกในการขนส่งสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการส่งพัสดุด่วน การส่งสินค้าไปยังตลาดการเกษตร การลาดตระเวน ซึ่งช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้ดี เนื่องจากการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง มีความปลอดภัย ไร้ควันพิษและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดยรถยนต์ไร้คนขับนั้นสามารถบรรทุกได้ถึง 900 กิโลกรัม วิ่งได้ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และตัวรถติดตั้งเรดาร์เลเซอร์ 4 ตัว รวมไปถึงระบบการมองเห็นสำหรับการขับขี่อัจฉริยะที่ประกอบขึ้นมาจากกล้อง 14 ตัว ที่สามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ด้วยตัวเอง และสามารถตรวจจับสัญญาณไฟจราจร ป้ายจราจรรวมถึงคนเดินถนนได้ด้วยตัวเอง
จะเห็นได้ว่า “อัจฉริยะยานยนต์” เป็นอีกหนึ่งเมกะเทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ รวมถึงประเทศไทยที่ภาครัฐและภาคเอกชนสามารถแสวงหาโอกาสความร่วมมือกับเมืองหลิ่วโจว เขตฯกว่างซีจ้วง ในการใช้วิจัยและต่อยอดเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะสำหรับใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และจะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย พร้อมเป็นสถานะจาก “ผู้ใช้บริการ” มาเป็น “ผู้สร้างนวัตกรรม” ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์อัจริยะในอนาคต
ที่มา globthailand
วันที่ 14 สิงหาคม 2568