"อันหนิง" ไม่สิ้นมนต์รัก l World Pulse
เคยได้ยินครูบาอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเล่าให้ฟังว่า เวลาผู้นำจะประชุมอะไรกันที่มันซีเรียส เขามักจัดในสถานที่วิวสวย บรรยากาศดี การพูดคุยจะได้ราบรื่นตกลงกันง่าย
ด้วยเหตุนี้ทะเลสาบเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์จึงถูกใช้เป็นสถานที่จัดประชุมสำคัญระดับนานาชาติหลายครั้ง
World Pulse ไม่มีวาสนาได้ไปทะเลสาบเจนีวากับเขาหรอก ล่าสุดได้ไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง (Mekong - Lancang Cooperation: MLC) ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 14-15 ส.ค. เห็นบรรยากาศที่ประชุมก็เริ่มคล้อยตามกับสิ่งที่อาจารย์บอก
อันหนิง ตั้งอยู่ในมณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ห่างจากคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน 30 กิโลเมตร (แต่ตอนนั่งรถจากสนามบินนานาชาติคุนหมิงมาถึงที่พักใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมง) ระดับความสูงพอๆ กับดอยอินทนนท์ของไทย อากาศจึงเย็นสบายอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปี 14.9 องศาเซลเซียส
เมืองนี้มีชื่อเสียงเรื่องแหล่งน้ำพุร้อนมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นที่ทราบกันดีว่าน้ำพุร้อนมีแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ได้อาบได้แช่ก็ชื่นใจคลายเมื่อย รัฐบาลท้องถิ่นอันหนิงเห็นความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติจึงติดตั้งระบบวัดอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องมือตรวจสอบทางไกล ไว้คอยตรวจตราบ่อน้ำพุร้อน 29 บ่อในพื้นที่หลัก และ 18 บ่อในพื้นที่โดยรอบ
ด้วยจุดแข็งที่มี ในปี 2020 อันหนิงพยายามพัฒนาตนเองให้เป็นเมืองสะอาดทันสมัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม วางสถานะตนเองเป็นรีสอร์ทของชาติ ตามการรายงานของไชนาเดลี ในวันที่ 1-8 ส.ค.ปีเดียวกันนั้น สมาคมเทนนิสจีนมาจัดการแข่งขันที่นี่ทำให้เมืองอันหนิงกลายเป็นจุดสนใจของชาวโลก
ส่วน "Anning Hot Spring Hotel" โรงแรมที่พักและสถานที่จัดประชุม MLC นั้นก็ไม่ธรรมดา เป็นเกสต์เฮาส์ของทางการเคยจัดการประชุมระดับสำคัญหลายครั้ง เคยต้อนรับตัวแทนต่างชาติหลายหน สำหรับการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ MLC รอบนี้ ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นการประชุมจึงชื่นมื่นเห็นได้จากหน้าตาของเจ้าบ้าน "หวังอี้" สมาชิกกรมการเมือง ผู้อํานวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ยิ้มแก้มปริตลอดทั้งงาน อ้อ...ลืมบอกไปว่า จีนเป็นประธาน MLC ร่วมกับไทยในวาระปี 2567-2568 มาประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกันที่เมืองจีนแล้ว เดี๋ยวต้นเดือน ธ.ค. ผู้นำก็จะมาประชุมกันที่ไทยต่อ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเผยว่า หลายประเทศตอบรับมาแล้ว
การประชุมวันแรก 13 ส.ค. เป็นการหารือทวิภาคีระหว่างสมาชิก เจ้าบ้านจีนต้อนรับผู้มาเยือนทั้ง 5 ประเทศ รวมถึงสมาชิก MLC จับคู่เจรจากันเอง ที่เซอร์ไพรส์คือจีนเชิญไทยและกัมพูชาจิบน้ำชาหารือกันแบบสบายๆ ผลการประชุมออกมาเป็นอย่างไรก็เป็นข่าวกันไปแล้ว World Pulse ไม่ขอพูดอีก ขอเล่าบรรยากาศเก็บตกเพียงอย่างเดียว ที่บอกว่าเป็นการจิบน้ำชาพูดคุยกันนั้น World Pulse ได้เหลือบไปดูบนโต๊ะ เบื้องหน้าคู่เจรจาแต่ละคนเห็นขนมเปี๊ยะสองชิ้น บลูเบอร์รีและอัลมอนด์อีกอย่างละนิดอย่างละหน่อยวางอยู่ในจานเคียงข้างด้วยเหยือกชาจีนร้อนๆ ควันฉุย ซดแล้วคล่องคอเจรจาราบรื่น!
ส่วนที่พักอย่างที่บอกไปว่า Anning Hot Spring Hotel เป็นรีสอร์ตของทางการ คณะผู้ร่วมประชุม MLC ทุกคนต้องพักที่นี่ โดยแยกกันอยู่คนละตึกแบบต่างคนต่างอยู่ไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันแม้แต่น้อย World Pulse แอบส่องทีมกัมพูชาอยู่เหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าอยู่ตึกไหน ด้านเจ้าบ้าน “หวังอี้” อยู่เรือนพักด้านนอกติดกับโรงแรม เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมวันแรก World Pulse จึงได้เห็นภาพรัฐมนตรีต่างประเทศจีนนำขบวนเจ้าหน้าที่เดินกลับที่พักไปแบบสบายๆ
และแม้ Anning Hot Spring Hotel จะเป็นสถานที่ประชุมสำคัญ แต่ลานสาธารณะด้านหน้าโรงแรมกลับเปิดกว้างให้กับประชาชน ตกเย็นผู้คนอุ้มลูกจูงหลานออกมาเดินเล่น เล่นกีฬา นั่งคุย เล่นหมากรุกแบบไม่ถูกปิดกั้นพื้นที่ แต่สังเกตว่าส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ ตอกย้ำว่าจีนก็ประสบปัญหาสังคมสูงวัยเช่นเดียวกับไทยและอีกหลายๆ ประเทศ
ที่น่าตื่นเต้นคือเช้าวันที่ 15 ส.ค. ซึ่งเป็นวันประชุม MLC (วันก่อนหน้าเป็นวันประชุมทวิภาคี) World Pulse รีบไปรับประทานอาหารเช้าเพื่อเตรียมความพร้อมทำงาน แต่เข้าไปในห้องอาหารถึงกับผงะ เมื่อสภาพห้องแตกต่างจากเมื่อวานนี้ กล่าวคือมีการจัดโต๊ะแบ่งเป็นประเทศๆ ไม่สามารถนั่งตามใจชอบได้เหมือนเมื่อวาน โซนที่นั่งโอเพนแอร์ด้านนอกถูกปิดด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย นั่นหมายความว่า คณะตัวแทนทุกประเทศจะต้องรับประทานอาหารเช้าในห้องอาหารนี้ ณ โต๊ะที่ขึ้นป้ายชื่อประเทศของตนเองเท่านั้น ขณะที่ World Pulse กำลังหาป้ายชื่อประเทศไทย สายตาก็เหลือบไปเห็นโต๊ะกัมพูชานำโดย “ปรัก สุคน” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้นั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว
เพียงครู่หนึ่งบุ่ย แทงห์ เซิน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามก็เดินเข้ามา รมว.ต่างประเทศกัมพูชาปรี่เข้าไปกอดทักทายอย่างสนิทสนมทันที จากนั้นรัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็ทยอยมารับประทานอาหารเช้า คนที่ World Pulse กล้าทักทาย “สบายดี” คือ ทองสะหวัน พมวิหาน รัฐมนตรีต่างประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพราะลาวกับไทยเป็นประเทศที่ต่างคนต่างพูดภาษาของตนเองก็เข้าใจกันได้ ดูๆ ไปแล้ว รมว.ทองสะหวัน มีสไตล์คล้ายดอน ปรมัตถ์วินัย อดีต รมว.ต่างประเทศของเราเหมือนกัน
และแล้วช่วงเวลาระทึกก็มาถึง เมื่อทีมไทยได้รับแจ้งว่า รมว.มาริษกำลังจะลงมายังห้องอาหาร ทุกคนหันไปมองโต๊ะกัมพูชาเป็นตาเดียว แต่เหมือนรู้คิวกัน! ปรัก สุคน นำทีมลุกออกไปพอดี เรียกว่าคลาดกันไปแบบฉิวเฉียด ซึ่งนั่นไม่ใช่สาระสำคัญเพราะการประชุม MLC ดำเนินไปอย่างสมบูรณ์ด้วยสปิริตของประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงที่ต้องการเห็นการพัฒนาร่วมกัน
รมว.มาริษแถลงข่าวร่วมกับหวังอี้ถึงผลการประชุม ช็อตเด็ดคือหลังแถลงเมื่อสองคนลงจากโพเดียม หวังอี้ดึงมาริษไปกระซิบกระซาบ พูดคุยกันกระหนุงกระหนิงนานพอสมควร เขาคุยอะไรกันบ้าง World Pulse ไม่ได้ยิน แต่อ่านจากภาษากายเห็นความสนิทแนบแน่นไว้เนื้อเชื่อใจที่จีนมีให้กับไทย เห็นท่าทีแบบนี้แล้วจะไม่ให้บอกว่า “อันหนิงไม่สิ้นมนต์รัก” ได้อย่างไร? ส่วนเรื่องราวภาคต่อขอเชิญผู้อ่านติดตามได้ในการประชุมผู้นำ MLC ที่กรุงเทพฯ ไม่นานเกินรอ!
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 21 สิงหาคม 2568