สรุปข่าวเศรษฐกิจเวียดนามในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนสิงหาคม 2568
พัฒนาการของนครโฮจิมินห์และจังหวัดในเขตกงศุลตามที่ประมวลจากสื่อท้องถิ่นระหว่างวันที่ 1-15 สิงหาคม 2568 ดังต่อไปนี้
1.1)นครโฮจิมินห์ขออนุมัติการลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานสำหรับการใช้ในภาคอุตสาหกรรมและที่พักอาศัยใน Saigon High-Tech Park (SHTP) ด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวม 850 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบด้วยโรงงานผลิต สำนักงานคลังสินค้าและศูนย์วิจัย โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 25691 และจะแล้วเสร็จในปี 2571
1.2)สายการบิน Bamnoo airways ประกาศย้ายการให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศทั้งหมดจากอาคารผู้โดยสาร 1 ไปยังอาคารผู้โดยสาร 3 ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดยสายการบินที่ 2 จะเริ่มให้บริการที่อาคารผู้โดยสาร 3 ต่อจาก Vietnam Airline โดยเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2568 ครอบคลุมพื้นที่ 112,500 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 20 ล้านคนต่อปีและสามารถรองรับผู้โดยสารสูงสุด 7,000 คน/ชั่วโมงในเวลาเร่งด่วน
1.3)นครโฮจิมินห์เปิดตัวระบบติดตามข้อมูลนักท่องเที่ยวต่างชาติครั้งแรก โดยศูนย์ส่งเสริมการท่องเที่ยวนครโฮจิมินห์ ภายใต้สำนักงานการท่องเที่ยวร่วมมือกับบริษัทวิจัยการท่องเที่ยว The Outbox เปิดตัวระบบติดตามข้อมูลนักท่องเที่ยว HCMC Global Traveler Barometer (HCVCGTB) ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ในการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทาง โดยเน้นการวิเคราะห์ใน 3 ด้าน ได้แก่
1.3.1 การคาดการณ์ความต้องการในด้านการเดินทางของนักเที่ยว
1.3.2 การติดตามพฤติกรรมและความคาดหวังที่เปลี่ยนไปของนักเที่ยวและ
1.3.3 การประเมินภาพลักษณ์ของนครโฮจิมินห์ เป็นเมืองแรกที่นำเทคโนโลยีการวิจัยตลาดขั้นสูงมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนากลยุทธ์การท่องเที่ยว เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการส่งเสริมการท่องเที่ยว
1.4)ในด้านทิศทางนโยบายและเป้าหมายการพัฒนานครโฮจิมินห์ตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ 8.5 ในปี 2568 โดยให้ความสำคัญ
1.4.1 การติดตามและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้ระบบการปกครองสองระดับ (Two-tier local government)
1.4.2 การให้ความสำคัญกับการวางผังเมือง และ
1.4.4 การประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ในทุกระดับ อนึ่ง ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของนครโฮจิมินห์ ไม่รวมภาคน้ำมันและก๊าซ อยู่ที่ร้อยละ 7.49
1.5)นครโฮจิมินห์ระงับการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ทางเท้าและถนนชั่วคราว ตามข้อมติที่ 32/2566/QD-UBND เพื่อจัดทำข้อกำหนดใหม่ให้คล้องกับ พ.ร.บ. จราจรทางบกและกฏหมายความปลอดภัยจราจรฉบับใหม่ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2568 โดยแผนดังกล่าวจะถูกนำไปทดลองใช้ในใจกลางเมืองของนครโฮจิมินห์ก่อนจะขยายการดำเนินการไปทั่วทั้งนครโฮจิมินห์
1.6)อุปทานอสังหาริมทรัพย์ในภาคใต้ของเวียดนามเริ่มฟื้นตัวแล้ว โดยการฟื้นตัวของตลาดได้รับแรงสนับสนุนจากปัจจัยหลายด้าน
1.6.1 การแก้ไขปัญหาด้านกฏหมายของโครงการให้กลับมาก่อสร้างต่อได้
1.6.2 การปรับโครงสร้างทางการเงินของผู้พัฒนา
1.6.3 การส่งเสริมการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ของกองทุนที่ดิน
1.6.4 การเร่งอนุมัติโครงการและแผนการใช้ที่ดิน
1.6.5 อัตราการดอกเบี้ย
1.6.6 การเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐที่รวดเร็วและ
1.6.7 ความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่เริ่มกลับมา ทั้งนี้ ในช่วงต่อไป คาดว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ขั้นต้นในภาคใต้ของเวียดยามจะเพิ่มขึ้นโดยโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการจริงจะมีสภาพคล่องสูงกว่า
1.7)เวียดนามตั้งเป้าเปิดศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศในนครโฮจิมินห์และนครดานังภายในปี 2568 โดยรัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าหมายที่จะเปิดดำเนินการศูนย์กลางทางการเงินทั้งสองภายในปี 2568 พร้อมกำหนดเป้าหมายสำคัญได้แก่
1.7.1 พัฒนาระบบนิเวศทางการเงินที่ทันสมัย
1.7.2 สร้างระบบนิเวศของบริการสนับสนุนที่ได้มาตรฐานสากล
1.7.3 จัดทำกรอบกฏหมายเฉพาะ
1.7.4 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการเพื่อรองรับศูนย์กลาง
1.7.5 ศึกษาต้นแบบจากศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศ
1.7.6 จัดตั้งกลไกประสานงานและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
(2)พัฒนาการของจังหวัดอื่นๆในเขตกงสุล
2.1)นครดานังเปิดใช้งานสายเคเบิลภาคพื้นดินระหว่างประเทศสายแรกเชื่อมตรงสู่สิงคโปร์
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 บริษั ท Vietnam posts and telecommunications group (VNPT) ได้เปิดใช้งานสายเคเบิลภาคพื้นดินอย่างเป็นทางการซึ่งนับเป็นสายเคเบิลระหว่างประเทศสายแรกที่เชื่อมต่อโดยตรงจากเวียดนามสู่สิงคโปร์ผ่านระบบโครงสร้างพื้นฐานทางบกตลอดสายรวมระยะทางกว่า 3,900 กิโลเมตร ทั้งนี้ VSTN เป็นสายเคเบิลภาคพื้นดินเส้นแรกที่เวียดนามเป็นเจ้าของและดำเนินการอย่างสมบูรณ์ รองรับความเร็วชั้นต่ำ 300 Gbps ต่อย่านความถี่รวมความเร็วทั้งหมด 4 Tbps และสามารถขยายได้สูงสุดถึง 12Tbps หรือมากกว่า
2.2)บริษัทท่าอากาศยานเวียดนามเสนอย้ายเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมดไปยังท่าอากาศยาน Long thanh จังหวัดด่งนายในปี 2569
บริษัทท่าอากาศยานเวียดนาม เสนอแผนการดำเนินงานสำหรับท่าอากาศยานนานาชาติ Long Thanh (จังหวัดด่งนาย)และท่าอากศยานนานาชาติ Tan Son Nhat (นครโฮจิมินห์) เปิดใช้งานปี 2569 โดยมี 2 แนวทางหลัก ได้แก่ 1.การใช้อากาศยานนานาชาติ Long Thanh เป็นศูนย์กลางเที่ยวบินระหว่างประเทศแห่งเดียว ในขณะที่ท่าอากาศยานนานาชาติ Tan Son Nhat จะให้บริการเฉพาะเที่ยวบินภายในประเทศ และ 2.การแบ่งเที่ยวบินตามระยะทาง โดยท่าอากาศยานนานาชาติ Tan Son Nhat จะให้บริการเที่ยวบินในประเทศทั้งหมดและระหว่างประเทศในระยะสั้น
2.3)จังหวัดด่งนายเดินหน้าปฏิบัติ “140 วัน 140 คืน”
สร้าง 2 โครงการคมนาคมให้แล้วเสร็จในปี 2568 และโครงการส่วนที่ 3 ของถนนวงแหวนหมายเลข 3 นครโฮจิมินห์ให้สามารถเริ่มทำผิวถนนได้ภายในวันที่ 19 ธันวาคม 2568 โดยโครงการทางด่วน Bien Hoa-Vung Tau ส่วนที่ 1 มีระยะทางราว 16 กิโลเมตรในพื้นที่จังหวัดด่งนาย ขณะที่โครงการถนนวงแหวนหมายเลข 3 ส่วนที่ 3 มีระยะทางกว่า 11 กิโลเมตรที่ตัดผ่านจังหวัดด่งนาย
2.4)ท่าอากาศยานเก่าเมาเตรียมปิดให้บริการชั่วคราว 12 เดือน เพื่อดำเนินการยกระดับท่าอากาศยาน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ถึง 31 ตุลาคม 2569 ปัจจุบันท่ากาศยานเป็นท่าอากาศยานระดับ 4C สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 200,000 คนต่อปี ในช่วงปีที่ผ่านมา มีการให้บริการในเส้นทางเดียวคือจังหวัดก่าเมา-นครโฮจิมินห์โดยสายการบิน VASCO (ในเครือสายการบิน Vietnam Airlines) สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน
2.5)จังหวัดก่าเมาเดินหน้าพัฒนาการผลิตข้าวคุณภาพสูง มุ่งสู่เกษตรกรรมที่ยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายสำคัญได้แก่
2.5.1 พื้นที่กว่าร้อยละ 85 ใช้พันธุ์ข้าวที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล
2.5.2 พื้นที่กว่าร้อยละ 70 ปลูกพันธุ์ข้าวคุณภาพสูง
2.5.3 พื้นที่กว่าร้อยละ 60 ใช้กระบวนการเกษตรกรรมขั้นสูง
2.5.4 ลดการใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงอย่างน้อยร้อยละ 25
2.5.5 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 10
2.5.6 เครื่องจักรกลการเกษตรครอบคลุมพื้นที่มากกว่าร้อยละ 50
2.5.7 ลดการสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยวให้ต่ำกว่าร้อยละ 10 และ
2.5.8 เพิ่มกำไรของเกษตรผู้ปลูกข้าวให้มากกว่าร้อยละ 30
2.6)ท่าเรือนานาชาติ Long An เวียดนาม ลงนามความร่วมมือกับกลุ่มท่าเรือซานตง(จีน)และบริษัทเดินเรือ Bohwa Shipping สิงคโปร์ เพื่อขยายสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค โดยมีเป้าหมายความร่วมมือ 3 ด้านได้แก่
2.6.1 การขยายเครือข่ายการขนส่ง
2.6.2 การพัฒนาเส้นทางขนส่งใหม่
2.6.3 การจัดตั้งศูนย์โลจิสติกส์เฉพาะทาง ความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่การเปิดเส้นทางขนส่งทางทะเลใหม่ภายใต้แนวคิด “สองท่าเรือ หนึ่งเส้นทาง”
2.7)จังหวัดหวิญล็องตั้งเป้าขยายพื้นที่ปลูกมะพร้าวให้ถึง 132,000 เฮกตาร์ภายใต้ปี 2573 ทั้งนี้ภายในปี 2568 คาดว่าจะมีพื้นที่ปลูกมะพร้าว 119,270 เฮกตาร์หรือประมาณ 22 ล้านตัน ส่งผลให้จังหวัดหวิญล็องมีพื้นที่ปลูกมะพร้าวมากที่สุดในภูมิภาคสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ครองสัดส่วนเกือบร้อยละ 50 ของพื้นที่ปลูกมะพร้าวทั่วเวียดนาม
2.8)บริษัท Sumitomo จากประเทศญี่ปุ่นสนใจลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงาน LNG ในจังหวัดคั้ญหว่า
โดยบริษัทมีแนวโน้มขยายการลงทุนในภาคพลังงานรูปแบบใหม่ในเวียดนามรวมถึงพิจารณาลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า LNG Van Phong 2 โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งทะเล เป้าหมายเพื่อดึงดูดการลงทุนในภาคพลังงานโดยเฉพาะโรงงานไฟฟ้า LNG ภายในปี 2573 ปัจจุบันบริษัท Sumitomo เป็นผู้ลงทุนในโครงการไฟฟ้าถ่ายหิน Van Phong 1
2.9)นักลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในจังหวัดด่งนายเผชิญความท้าทายในการผู้ซื้อ
สมาคมน้ำมันและก๊าซเวียดนาม (Vietnam Petroleum Association) ร่วมกับกลุ่มบริษัท Pretovietnam จัดงานสัมนา “Oil and Energy” ประจำปี 2568 ภายใต้หัวข้อ “การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานวิสัยทัศน์และการดำเนินการ”
นช่วงที่ผ่านมาแม้ว่ารัฐบาลเวียดนามได้ปรับปรุงกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับภาคพลังงานหลายฉบับ แต่ยังไม่สามารถขจัดอุปสรรคในการลงทุนและการดำเนินงานโครงการพลังงานได้อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้า LNG ตามแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติฉบับที่ 8 (PDP 8) ที่ตั้งเป้าพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงาน LNG รวม 18 โครงการ
ภายในปี 2573 โดยโครงการโรงไฟฟ้า LNG Nhon Trach 3 และ Nhon Trach 4 ในจังหวัดด่งนาย ได้เชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายไฟฟ้าแห่งชาติเรียบร้อยแล้วและคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2568 แต่โรงไฟฟ้าทั้งสองแห่งยังไม่ได้ดำเนินการเต็มที่เนื่องจากการไฟฟ้าแห่งชาติเวียดนาม นอกจากนี้ PDP8 และแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าแห่งชาติของเวียดนามได้กำหนดเพียงที่ตั้งพื้นฐานของโครงการโรงไฟฟ้า LNG
2.10) เวียดนามมุ่งพัฒนาเกาะ Phu Quy ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจทางทะเลของประเทศ
เกาะ Phu Quy เป็นเขตพิเศษของจังหวัดเลิมด่งใหม่(เดิมเป็นอำเภอของจังหวัดบิ่ญถ่วน) มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจทางทะเลและการท่องเที่ยวโดยเมื่อปี 2567 นายกแผนพัฒนาเวียดนามอนุมัติแผนพัฒนาเกาะ Phu Quy ท่าเรือมีศักยภาพรองรับและขนถ่ายสินค้าได้ราว 25,000 ตันต่อปีและสามารถส่งออกสินค้าประมงทางเรือไปต่างประเทศได้โดยตรง เกาะ Phu Quy อยู่ระหว่างศึกษาระบบบริหารจัดการอัจฉริยะ การใช้พลังงานหมุนเวียนร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน
การสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัำ ตลอดจนสำรวจเพื่อลากสายไฟฟ้าจากแผ่นดินใหญ่สู่เกาะ โดยคาดจะแล้วเสร็จภายในปี 2573 ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังเกาะเฉลี่ยวันละ 1,000 คน EVN อยู่ระหว่างดำเนินโครงการเพิ่มกำลังผลิตโรงไฟฟ้า Phu Quy อีกแล้ว 2,200 กิโลวัตต์เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าบนเกาะที่เพิ่มขึ้น โดยคาดจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2568
ครึ่งเดือนแรกของสิงหาคมสะท้อนทิศทางเศรษฐกิจเวียดนามที่ยังเติบโตต่อเนื่อง โฮจิมินห์ยังเป็นหัวใจหลัก ขณะที่จังหวัดต่าง ๆ เดินหน้าโครงการขนาดใหญ่เพื่อสร้างความเชื่อมโยงระดับภูมิภาค ทั้งหมดนี้ตอกย้ำว่าเวียดนามยังคงเป็นจุดหมายการลงทุนที่น่าจับตา โดยเฉพาะในพลังงานสะอาด อสังหาริมทรัพย์ โลจิสติกส์ และโครงสร้างพื้นฐาน (ที่มา : สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์, เรียบเรียงโดย : ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์)
ที่มา globthailand
วันที่ 25 สิงหาคม 2568