เจาะลึกความสำเร็จหนิงเซี่ยหุย เบื้องหลังการพัฒนาพลังประมวลผลอันดับ 1 ของภาคตะวันตก
ในยุคที่เศรษฐกิจดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศ เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุยของจีน ได้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำอย่างโดดเด่น ด้วยการบูรณาการเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ากับการผลิตและการใช้ชีวิตประจำวันอย่างเป็นระบบ โดยหนิงเซี่ยหุยเป็นพื้นที่เดียวในจีนที่ได้รับเลือกให้เป็นทั้ง ศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนอินเทอร์เน็ตรูปแบบใหม่ และศูนย์กลางเครือข่ายประมวลผลระดับชาติ
ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาในระยะยาว โดยมีแผนปฏิบัติการ 2 ฉบับ คือ แผนผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลแบบบูรณาการ และแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพลังประมวลผลคุณภาพสูง เป็นตัวช่วยขับเคลื่อนหลัก ส่งผลให้ปัจจุบัน ดัชนีรวมด้านพลังประมวลผลของหนิงเซี่ยหุยติด 10 อันดับแรกของประเทศ และดัชนีด้านคุณภาพและประสิทธิภาพอยู่ใน อันดับ 1 ของภาคตะวันตก ทำให้หนิงเซี่ยหุยกลายเป็นฐานหลักของเศรษฐกิจดิจิทัลของจีนอย่างแท้จริง
* นครหยินชวน เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมภาคการผลิต โดยในปี 2567 มีมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลสูงถึง 1.1 แสนล้านหยวน และได้เปิดใช้งาน ฐานพัฒนาและทดสอบชิป AI แห่งแรกของจีน นอกจากนี้ ยังมีสัดส่วนห้องปฏิบัติการดิจิทัลและโรงงานอัจฉริยะคิดเป็น 50% ของทั้งเขตฯ ยกตัวอย่างเช่น โรงงานผลิตนมของบริษัท Inner Mongolia Mengniu Dairy ที่นำ AI เข้ามาบริหารจัดการ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ถึง 20%
* เมืองจงเว่ย ใช้โอกาสจากนโยบาย “East Data West Computing” ของรัฐบาลกลางในการดึงดูดบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่าง Amazon และ Tencent เข้ามาลงทุน โดยพัฒนาโมเดล “พลังงานสะอาด + โครงข่ายจำลอง + ศูนย์ข้อมูล” เพื่อเปลี่ยนพลังงานลมและแสงอาทิตย์จากทะเลทรายให้เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ทำให้ปัจจุบันมีกลุ่มพลังประมวลผลอยู่ใน อันดับที่ 4 ของประเทศ
ทั้งนี้ หนิงเซี่ยหุยยังคงเดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในหลากหลายภาคส่วน ดังนี้
(1)ด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดย Bandwidth ที่เชื่อมต่อออกนอกพื้นที่เพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า และสามารถเชื่อมโยงโดยตรงกับ 26 เมืองทั่วประเทศจีน ทำให้การรับส่งข้อมูลรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง
(2)ภาคอุตสาหกรรม มีการใช้งานโรงงานอัจฉริยะและสายการผลิตดิจิทัลรวม 186 แห่ง และมีบริษัทกว่า 2,600 แห่ง ที่ใช้เทคโนโลยีคลาวด์และการวิเคราะห์ข้อมูล ตัวอย่างเช่น บริษัท Lianlong (Zhongwei) New Materials Co., Ltd. ที่ใช้รถฟอร์คลิฟต์ไร้คนขับและเครื่องจักร 3 มิติในสายการผลิตแบบไร้คาร์บอน
(3)ด้านสาธารณสุข มีการพัฒนา AI ช่วยวินิจฉัยทางการแพทย์ “ผู้ช่วยแพทย์-หนิงเสี่ยวเว่ย” ซึ่งใช้งานเต็มรูปแบบในโรงพยาบาลรัฐ 9 แห่ง ช่วยให้แพทย์เข้าถึงข้อมูลและแนวทางการรักษาที่ทันสมัยได้
(4)ภาคการศึกษา มีการจัดตั้ง ห้องเรียนอัจฉริยะ ห้องทดลองดิจิทัล และศูนย์วัฒนธรรมกว่า 1,200 แห่ง ทำให้ระดับการพัฒนาเทคโนโลยีการศึกษาขั้นพื้นฐานอยู่ใน อันดับ 5 และอาชีวศึกษาอยู่ใน อันดับ 3 ของประเทศ (ข้อมูล ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครซีอาน)
ที่มา globthailand
วันที่ 5 กันยายน 2568