นักวิชาการชี้ "คนละครึ่ง" ดันยอดร้านค้ารายย่อยพุ่ง 174%
KEY POINTS :
* นักวิชาการเผยข้อมูลงานวิจัยชี้ว่ามาตรการคนละครึ่งช่วยดันยอดขายร้านค้ารายย่อยที่เข้าร่วมโครงการพุ่งสูงถึง 174%
* ร้านค้าขนาดเล็กเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์สูงสุด โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า และยังช่วยสร้างฐานลูกค้าใหม่
* แม้จะช่วยยอดขายร้านค้ารายย่อย แต่ผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมไม่สูงนัก เพราะคนส่วนใหญ่เพียงเปลี่ยนที่ใช้จ่าย ไม่ได้บริโภคเพิ่มขึ้น
รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า มาตรการคนละครึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง
สำรวจงานวิจัยที่เคยศึกษาและประเมิน “มาตรการคนละครึ่ง” พบว่า ทุกๆ 1 บาทที่รัฐบาลจ่ายช่วยกระตุ้นหรือสร้างการบริโภคใหม่ได้ประมาณ 0.4 บาท ฉะนั้น ผลต่อการกระตุ้นภาคการบริโภคโดยภาพรวมไม่สูงนัก
แต่ช่วยทำให้ยอดขายของร้านค้ารายย่อยที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยสำคัญและพื้นที่ที่มีรายได้ต่ำได้ประโยชน์สูงสุด
สำรวจจากข้อมูลวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่เคยทำไว้ช่วงรัฐบาลประยุทธ์ Digital Fiscal Stimulus and SMEs: difference-indifference evidence from Thailand’s half-and-half Program โดย อธิภัทร มุทิตาเจริญ พบว่า ข้อมูลเชิงประจักษ์บ่งชี้ว่า “มาตรการคนละครึ่ง” ช่วยดันยอดขายร้านค้ารายย่อยพุ่ง 174% และสร้างฐานลูกค้าใหม่ ร้านค้าขนาดเล็กได้ประโยชน์สูงสุด
โดยยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า แต่ผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาพรวมไม่สูงนัก เพราะคนส่วนใหญ่เพียงเปลี่ยนที่จ่าย ไม่ได้ใช้จ่ายเพิ่ม และลดการใช้จ่ายนอกโครงการ
ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นจะได้ผลดีก็ต่อเมื่อ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีขึ้น ความเชื่อมั่นต่อรายได้ในอนาคตดีขึ้น ความมั่นคงในงานดีขึ้น ปัจจัยความเชื่อมั่นเหล่านี้จะส่งผลให้มาตรกการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นมีประสิทธิผลสูงขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ดี แม้รัฐบาลจะอยู่สั้นเพียง 4 เดือนแต่หากสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นได้ก็จะเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจ โดยเริ่มต้นจากการสรรหาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีความรู้ความสามารถ มีความเป็นมืออาชีพ มีความเชี่ยวชาญในกระทรวงหรือหน่วยงานที่บริหาร มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 8 กันยายน 2568