เวียดนามเดินหน้าจัดตั้ง "ศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศ" ตอนที่ 2
จากที่ globthailand ได้นำเสนอรายละเอียดข้อมติที่ 222/2025/QH15 ของสภาแห่งชาติเวียดนามเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศ (International Financial Center: IFC) ในนครโฮจิมินห์และนครดานัง ตลอดจนนโยบายส่งเสริมการลงทุนของ IFC ในตอนที่ 1 แล้วนั้น
ในตอนที่ 2 นี้ จะนำเสนอรายละเอียดข้อมติสำคัญของนายกรัฐมนตรีเวียดนามว่าด้วยการสนับสนุนการดำเนินการของ IFC จำนวน 2 ฉบับ ดังนี้
(1) ข้อมติที่ 1646/QD-TTg ว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแล IFC ในเวียดนาม
1.1)คณะกรรมการฯ มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและช่วยรัฐบาลเวียดนามกำหนดทิศทางและยุทธศาสตร์ การประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินงานของ IFC มีความต่อเนื่องและเป็นเอกภาพ และมีบทบาทในการกำกับดูแลให้การจัดตั้งและพัฒนา IFC สอดคล้องกับนโยบาย กฎหมาย และทรัพยากร
1.2)องค์ประกอบของคณะกรรมการฯ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยมีรองประธาน จำนวน 5 คน ได้แก่ รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติเวียดนาม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม (นครโฮจิมินห์) และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม (นครดานัง) รวมถึงสมาชิกจากหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวม 20 คน ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเวียดนามจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการ ขณะที่คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์และนครดานังรับผิดชอบการจัดทำแผนปฏิบัติการในพื้นที่
(2) ข้อมติที่ 114/QD-BCDTTTC ว่าด้วยแผนปฏิบัติการเพื่อจัดตั้ง IFC ในเวียดนาม
- เป้าหมายของแผนปฏิบัติการฯ เพื่อดำเนินการจัดตั้ง IFC ในนครโฮจิมินห์และนครดานังให้แล้วเสร็จภายในปี 2568
- ภารกิจหลักของแผนปฏิบัติการฯ ประกอบด้วยภารกิจหลัก 6 ด้าน ดังนี้
(2.1) ปรับปรุงกรอบกฎหมายเฉพาะ รวมถึงพัฒนากลไกและนโยบายพิเศษสำหรับ IFC เพื่อให้เกิดความสอดคล้อง โปร่งใส และเป็นระบบ โดยจัดทำพระราชกำหนดที่เกี่ยวข้อง 8 ฉบับ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2568 เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับการบังคับใช้ข้อมติที่ 222/2025/QH15
โดยครอบคลุมประเด็นด้านภาษี การเงิน การนำเข้า-ส่งออก การธนาคาร ตลาดทุน อสังหาริมทรัพย์ แรงงาน สิ่งแวดล้อม และการใช้กระบวนการระงับข้อพิพาท (ศูนย์อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ) รวมถึงการปรับปรุงและจัดตั้งโครงสร้างการบริหารจัดการของ IFC ในทั้งสองนครให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2568
(2.2) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชิงกลยุทธ์และพื้นที่เมืองสำหรับ IFC
2.2.1)ด้านพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐาน (hard infrastructure): นครโฮจิมินห์เร่งเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่แขวง Sai Gon แขวง Ben Thanh (เน้นการปรับปรุงและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เพื่อให้ IFC สามารถเริ่มดำเนินงานได้ตั้งแต่ระยะแรก และพัฒนาเมืองด้านการเงินควบคู่กับกิจกรรมทางวัฒนธรรมและศิลปะ) และเขตเมืองใหม่ Thu Thiem (ดำเนินโครงการรถไฟฟ้า โครงสร้างพื้นฐานในการเชื่อมต่อที่สำคัญและโครงสร้างพื้นฐานด้านสังคม รวมถึงการเร่งดึงดูดนักลงทุนเชิงกลยุทธ์ในระยะแรก เพื่อสร้างศูนย์กลางของ IFC) ขณะที่นครดานังจะเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ อาคาร ICT ศูนย์ข้อมูล ท่าเรือ การขยายท่าอากาศยาน รวมถึงโครงการย่อยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอื่น ๆ
2.2.2)ด้าน soft infrastructure: นครโฮจิมินห์ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและโทรคมนาคม เพื่อรองรับธุรกรรมดิจิทัล fintech และธนาคารดิจิทัล เร่งขยายเครือข่าย 5G ครอบคลุมพื้นที่ IFC ศูนย์กลางเมือง เขตการปกครอง การแพทย์ การศึกษา การคมนาคม การท่องเที่ยว และย่านธุรกิจสำคัญ รวมถึงลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในเขตเมืองใหม่ Thu Thiem ขณะที่นครดานังลงทุนสร้างระบบ servers ประมวลผลโครงสร้างพื้นฐานในการจัดเก็บและระบบควบคุมอัจฉริยะที่ศูนย์ Software Park No.2 เร่งขยายเครือข่าย 5G ให้ครอบคลุมพื้นที่ IFC และทั้งเมือง พัฒนาระบบ blockchain เพื่อทดสอบสินทรัพย์ดิจิทัลและ NFT พร้อมทั้งปรับปรุงมาตรฐานระดับชาติด้าน IoT, AI, Big Data เครือข่าย 5G และมาตรฐานด้านข้อมูล
(2.3) พัฒนาบริการ ตลาดการเงินและผลิตภัณฑ์การเงินที่มีความสำคัญ โดยดำเนินการทดลองใช้นโยบายการเงินในรูปแบบ sandbox สำหรับบริการ fintech และนวัตกรรม ขยายและยกระดับตลาดแลกเปลี่ยน commodities ส่งเสริมตลาดใหม่ อาทิ คาร์บอนเครดิต fintech และธนาคารดิจิทัล รวมถึงดึงดูดการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อก่อสร้างศูนย์ซื้อขายสัญญาอนุพันธ์สินค้าโภคภัณฑ์ พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินคุณภาพสูงให้สอดคล้องกฎหมายของเวียดนาม และมาตรฐานนานาชาติ รวมถึงจัดทำมาตรการจูงใจและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อดึงดูดการลงทุนโดยให้ครอบคลุมทั้งด้านกฎหมาย การตรวจสอบ และเทคโนโลยีสารสนเทศ
(2.4) พัฒนาทรัพยากรมนุษย์และระบบนิเวศสนับสนุน IFC โดยพัฒนาตลาดและโครงสร้างพื้นฐานควบคู่กับการสร้างบุคลากรการเงินคุณภาพสูง ผ่านการฝึกอบรมและดึงดูดทรัพยากรบุคลากรทางการเงินคุณภาพสูง จัดทำแผนพัฒนาบุคลากรต่าง ๆ รวมถึงการจ้างผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ ส่งเสริมระบบนิเวศนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเงิน ผ่านการจัดตั้งศูนย์ต่าง ๆ ในนครดานัง อาทิ ศูนย์สนับสนุนการเริ่มต้นธุรกิจนวัตกรรมแห่งชาติ ศูนย์วิจัยด้านการเงินระหว่างประเทศ fintech และ blockchain ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้อมูลระดับชาติ รวมทั้งศูนย์ข้อมูลและศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาคในนครโฮจิมินห์ และโครงการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของเวียดนาม ตลอดจนการสร้างสภาพแวดล้อมธุรกิจที่เอื้อต่อการลงทุนและการดึงดูดบุคลากรต่างชาติ รวมถึงการคุ้มครองความปลอดภัยของนักลงทุน
(2.5) จัดตั้งคณะทำงานระหว่างประเทศเพื่อศึกษาประสบการณ์เกี่ยวกับ IFC อาทิ เมืองดูไบ กรุงอาบูดาบี นครแฟรงก์เฟิร์ต กรุงอัสตานา นครนิวยอร์ก กรุงลอนดอน สิงคโปร์ และเมืองฮ่องกง รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง IFC ของเวียดนามกับ IFC อื่น ๆ เพื่อเพิ่มการเชื่อมโยงกับระบบการเงินโลก จัดตั้งโครงการฝึกอบรมจัดการประชุม สัมมนา เพื่อส่งเสริมบุคลากรคุณภาพสูงด้านการเงิน รวมถึงส่งเสริมการลงทุนของสถาบันการเงินและกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ ดำเนินความร่วมมือกับศูนย์การเงินขนาดใหญ่ระดับภูมิภาคและระดับโลก ตลอดจนองค์กรการเงินระหว่างประเทศ
(2.6) จัดตั้งกลไกการประสานงาน กำกับ และติดตามผลการดำเนินการ เพื่อความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยมีการตั้งคณะกรรมการกำกับดูแล IFC ระดับชาติ นำโดยนายกรัฐมนตรีเวียดนามมีกลไกการประสานงานข้ามหน่วยงาน และมีระบบรายงานและกำกับติดตาม โดยจะต้องมีรายงานต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับปรุง แก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ จะต้องดำเนินการประสานงานจากหลายหน่วยงาน
การเตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินการจัดตั้ง IFC ของนครโฮจิมินห์และนครดานัง
* นครโฮจิมินห์ (1) จัดเตรียมพื้นที่ประมาณ 10 เฮกตาร์ในเขตเมืองใหม่ Thu Thiem เพื่อจัดตั้งสำนักงานใหญ่ของหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี โดยจะจัดตั้งสำนักงานชั่วคราวระหว่างการก่อสร้าง (2) จัดทำกรอบกฎหมายเฉพาะ 4 ฝ่าย และเปิดรับสมัครผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและหลักทรัพย์ (3) จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปศึกษาดูงานที่ศูนย์กลางทางการเงินของต่างประเทศ โดยเฉพาะกรุงอาบูดาบี และกรุงอัสตานา (4) ร่วมมือกับ Vietnam-German University (VGU) เพื่อฝึกอบรมบุคลากร และ (5) ภายในเดือนสิงหาคม 2568 นครฯ จะลงนาม MOU กับ IFC ของกรุงอาบูดาบี (Abu Dhabi’s International Financial Centre: ADGM) และกรุงอัสตานา (Astana International Financial Center: AIFC)
* นครดานัง (1) จัดสรรพื้นที่ยุทธศาสตร์สำหรับ IFC (2) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลและนวัตกรรม รวมถึง AI และเซมิคอนดักเตอร์ (3) อบรมข้าราชการมากกว่า 300 คน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับ IFC โดยจะส่งข้าราชการรุ่นใหม่ 10 คน ไปฝึกอบรมและฝึกงานที่สิงคโปร์ (4) จัดตั้งกลไกดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการเงินต่างประเทศ ทั้งยุโรป สิงคโปร์ เมืองดูไบ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งร่วมมือกับสมาคมนักวิชาการเวียดนามในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ (5) ลงนาม MOU กับภาคส่วนต่าง ๆ และส่งเสริมความร่วมมือกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์นานาชาติ 16 แห่ง ซึ่งรวมถึงสถาบันการเงิน ธนาคาร บริษัทเทคโนโลยี และกองทุนเพื่อการลงทุน และ (6) จัดงาน Da Nang Finance and Technology Week 2025 (28-30 สิงหาคม 2568) ซึ่งจะรวมกิจกรรม Vietnam Annual Financial Forum, Vietnam Blockchain Festival และ Da Nang Semiconductor Day

(ข้อมูล สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์, เรียบเรียงโดย ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์)
ที่มา globthailand
วันที่ 9 กันยายน 2568