คาเฟ่และบาร์สิงคโปร์ผลิกวิกฤติสู่โอกาสขยายธุรกิจไทย
อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage: F&B) เป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่มีพลวัตและได้รับความสนใจมากที่สุดในสิงคโปร์ โดยเฉพาะช่วงหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคบริการ แต่ปัจจุบัน สัญญาณการฟื้นตัวเริ่มชัดเจนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงปลายปี 2567 อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มยังเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่อง
ทำให้มีธุรกิจที่ได้ปิดตัวลงมากกว่า 3,000 ราย ซึ่งนับเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในรอบทศวรรษ ในขณะที่ปี 2568 มีสถิติปิดร้านมากกว่าจำนวนร้านเปิดใหม่อย่างต่อเนื่อง ในย่านบันเทิงหลักอย่าง Clark Quay และ Club Street ที่แม้จะมีการลงทุนปรับปรุงเพื่อฟื้นฟูบรรยากาศ ด้วยงบประมาณที่มากกว่า 62 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ แต่ก็ยังไม่สามารถฟื้นคืนความคึกคักช่วงกลางคืนได้เต็มที่
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสภาวะแวดล้อมที่ท้าทาย ธุรกิจคาเฟ่และบาร์ในสิงคโปร์ยังคงมีโอกาสในการเติบโต ซึ่งผู้ประกอบการที่สามารถนำนวัตกรรมและแนวคิดที่สร้างสรรค์มาใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบ Pre – batching เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและสม่ำเสมอในการให้บริการ, การพัฒนาเมนูเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ หรือสร้างสรรค์บรรยากาศร้านให้มีเอกลักษณ์ และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและประสบการณ์ในการบริโภค โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับมาตรฐานในภูมิภาค โดยมีราคาต่อแก้วตั้งแต่ 15 – 120 ดอลลาร์สิงคโปร์ แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เน้นทั้งคุณภาพและเรื่องราวของเครื่องดื่ม

ในระดับโครงสร้าง สิงคโปร์มีบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางธุรกิจบาร์แห่งภูมิภาคเอเชีย ทำให้สิงคโปร์ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Bar Convent Singapore (BCB Singapore) ที่เป็นเวทีเจรจาธุรกิจระดับนานาชาติ สำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มโดยเฉพาะ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดเอเชีย ทั้งนี้ ภาครัฐยังมีบทบาทสนับสนุนผ่านโครงการและกองทุนของ Singapore Tourism Board (STB) ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทั้งชาวสิงคโปร์และชาวต่างชาติสามารถเข้าร่วมได้ภายใต้เกณฑ์ที่กำหนด ถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการส่งเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจให้มีความยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว
ถึงแม้จะมีปัจจัยที่ท้าทายหลายประการ แต่อุตสาหกรรมคาเฟ่และบาร์ในสิงคโปร์ยังคงเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจบริการที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรม เครื่องดื่ม และประสบการณ์เชิงไลฟ์สไตล์ที่เป็นจุดแข็งของไทยในระดับภูมิภาค และสามารถต่อยอดโอกาสผ่านแนวทางต่าง ๆ ที่มีเอกลักษณ์ผ่านการส่งเสริมบาร์เทนเดอร์ไทยเข้าร่วมกิจกรรม Guest Shift หรือ Guest Bartender ในบาร์ชั้นนำของสิงคโปร์
เพื่อแสดงศักยภาพด้านการชงเครื่องดื่ม สร้างเครือข่ายในวงการ และเรียนรู้แนวโน้มของผู้บริโภคผ่านเวทีระดับมืออาชีพ นอกจากนี้ ยังสามารถต่อยอดผ่านความร่วมมือกับผู้นำเข้า (Supplier) หรือบาร์ในสิงคโปร์ในการส่งออกวัตถุดิบไทยคุณภาพสูง เช่น สมุนไพรสด ผลไม้เมืองร้อน หรือสุราท้องถิ่น เพื่อพัฒนาเมนูค็อกเทลร่วมกันที่มีเอกลักษณ์ และสื่ออัตลักษณ์ความเป็นไทย เช่น การทดลองเปิดตัวแบรนด์ไทยในรูปแบบ Pop – up Bar หรือ Concept Bar ชั่วคราวร่วมกับร้านอาหารไทยหรือศูนย์การค้า
เพื่อทดสอบตลาดและวางรากฐานการขยายกิจการในอนาคต อุตสาหกรรมบาร์ในสิงคโปร์จึงไม่ใช่เพียงพื้นที่ทางธุรกิจ แต่ยังเป็นเวทีที่แสดงพลังของวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ หากได้รับพัฒนาอย่างเหมาะสม จะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในระดับภูมิภาคได้อย่างยั่งยืน (ข้อมูล สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์, เรียบเรียงโดย ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์)
ที่มา globthailand
วันที่ 25 กันยายน 2568