เอสเอ็มอีพร้อมใช้ AI ปรับธุรกิจ กังวล 3 อุปสรรคเข้าไม่ถึง
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานยุทธศาสตร์ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยถึงการใช้ AI กับธุรกิจเอสเอ็มอีไทย ว่า เอสเอ็มอีเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญหลักของเศรษฐกิจและสังคมในทุกๆประเทศ ด้วยจำนวนสัดส่วนที่มีมากกว่า 90% ของผู้ประกอบการในแต่ละประเทศ มีบทบาทสำคัญกับสัดส่วนจีดีพี การกระจายรายได้ที่ดีด้วยการจ้างงานของเอสเอ็มอี ที่มีสัดส่วนมากที่สุดของประเทศ ซึ่งเอสเอ็มอีไทยจ้างงาน 70% ของการจ้างงานภาคเอกชนทั้งหมด หรือ ราว 13 ล้านราย ขณะที่สัดส่วนจีดีพี เอสเอ็มอี ไทยยังอยู่ในระบดับ 35% ของจีดีพีทั้งประเทศ อีกทั้งเอสเอ็มอีรายย่อย หรือ Micro SME มีสัดส่วนสูงถึง 85% ของผู้ประกอบการทั้งประเทศ แต่มีสัดส่วนจีดีพีเพียง 3% สะท้อนความเหลื่อมล้ำที่ต้องเร่งทบทวน
“การออกแบบนโยบายส่งเสริมเพิ่มขีดความสามารถอย่างเร่งด่วนเป็นวาระแห่งชาติ “AI for SME Thai” ไม่เพียงแต่เพื่อความเท่าเทียม หากยังเพิ่มโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมแบบไม่หลงลืมทิ้งใครไว้ข้างหลังที่ต้องพัฒนาแบบคู่ขนานกันไปทั้งเอสเอ็มอีและแรงงานไทย”นายแสงชัยกล่าว
เปิด3อุปสรรคเข้าถึงเอไอ :
นายแสงชัย กล่าวว่า หากมองถึงความต้องการของเอสเอ็มอี จากการสำรวจวิจัยของ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) พบว่า แนวโน้มการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของเอสเอ็มอี 47.1% เพิ่มมากขึ้นในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา แต่ยังมี เอสเอ็มอี ที่มีการใช้เท่าเดิม 27.5% ขณะที่กลุ่ม เอสเอ็มอี ที่มีแนวโน้มการใช้ลดลง 25.4% ด้วย 3 ปัจจัยหลักที่เป็นอุปสรรค คือ ค่าใช้จ่ายที่สูง เทคโนโลยีที่ใช้มีความยุ่งยากไม่เหมาะสม และการขาดบุคลากรและแรงงานที่มีทักษะในการใช้งาน หากมองถึงอนาคตการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอีก 3 ปีข้างหน้า เอสเอ็มอี มีแผนลงทุนเพิ่มเติมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในธุรกิจ 39% อีก34.2% ขึ้นกับภาวะทางเศรษฐกิจว่าสามารถพร้อมลงทุนหรือไม่ และ 26.8% ไม่มีแผน นับเป็นความท้าทายที่สภาวะเศรษฐกิจ
“แหล่งทุนและความพร้อมในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล AI ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญของต่อผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี โดยเฉพาะรายย่อย ขณะที่ เอสเอ็มอี ยังมีความต้องการในการยกระดับทักษะทั้งด้าน Social Media Marketing, Business Tools, Cybersecurity, AI for Business, IOT และ Cloud Computing ตามลำดับ”นายแสงชัยกล่าว
=พร้อมใช้เอไอ11%ปรับธุรกิจ :
นายแสงชัย กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจของ เอสเอ็มอี ยังคงให้ความสำคัญกับด้านการให้บริการและการตลาดถึง 81% ด้านการใช้ AI 11% และด้านจัดการกระบวนการผลิตและการดำเนินงาน 8% ทิศทางการให้บริการของภาครัฐที่ตอบโจทย์ด้วยมาตรการ โครงการที่ต้องมีการสร้างความตระหนักรู้อย่างเข้มข้น เข้าถึงและมีระบบบพี่เลี้ยงที่ปรึกษาที่ เอสเอ็มอี สามารถได้รับคำแนะนำ ออกแบบ คัดเลือก ทดสอบ ประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจในแต่ละคลัสเตอร์และขนาดของกิจการ
นายแสงชัย กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในยุคของเอไอ เอสเอ็มอีต้องก้าวข้ามกับดักเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ด้วยการมุ่งเป้า “เกษตรกร – SME – แรงงาน สู่ Social-Digital-AI Literacy” ปัจจุบันของหน่วยงานภาครัฐมีความพร้อมและมาตรการสนับสนุนผ่านโครงการต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริม AI เพื่อเอสเอ็มอี และเกษตรกร อาทิ สสว., สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)
ชงกลยุทธ์พร้อม(ท์)ช่วยเอสเอ็มอี :
นายแสงชัย กล่าวว่า ปัจจุบันเอสเอ็มอีไทย เลี่ยงไม่ได้ หรือ หนีไม่พ้นกับ AI ที่เข้ามาในชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจ ความอยู่รอดและเติบโตล้วนต้องใช้ AI เป็นเครื่องมือ ขอเสนอกลยุทธ์ “พร้อม(ท์) เร่ง ผลัก ดัน” ช่วยเสริมแกร่งเอสเอ็มอี ดังนี้ 1.พร้อม(ท์) ให้ “Prompt” ป้อนคำสั่งให้เศรษฐกิจ AI ไทยเติบโตสู่ผลิตภาพและคุณภาพสูงอย่างรวดเร็ว ด้วยจีดีพี ที่ขยายตัวแข่งขันได้ ยกระดับความเท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ำให้ประชาชนคนไทยมี 2.เร่ง 2 ฐาน คือ ฐานข้อมูล กับ โครงสร้างพื้นฐาน ในการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล – AI จากนโยบายขับเคลื่อนสู่หน่วยงานภาครัฐ การเก็บรวบรวมฐานข้อมูลแต่ละประเภทอย่างครบถ้วน การกระจายเข้าถึงการใช้ประโยชน์ของข้อมูลของแต่ละหน่วยงานรัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการเชื่อมโยงการวิเคราะห์ ออกแบบนโยบาย มาตรการ โครงการ กลไกต่างๆได้สอดคล้องกับสถานการณ์จริงและตรงเป้าหมายรวมทั้งประหยัดงบประมาณดำเนินการ
นายแสงชัย กล่าวว่า 3.Lifelong learning ด้าน Social-Digital-AI Literacy มุ่งเป้าส่งเสริม เอสเอ็มอี และแรงงานในระบบและจูงใจให้เข้าระบบเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจใช้ฐานข้อมูลผู้เสียภาษีนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา และหรือ ระบบประกันสังคมทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและแรงงานเพื่อ Re-Up-Future skills และร่วมกับสถาบันการศึกษา สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการเทียบปรับเปลี่ยนเทียบคุณวุฒิ ค่างานและให้เกิดการจ้างงานใหม่ การจ้างงานเพิ่ม และค่าจ้างที่เป็นธรรมมาก 4. ดัน AI Ecosystem อาทิ Application – Platform – Software – Hardware – POS ราคาพิเศษเพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล – AI โดยเฉพาะของผู้ประกอบการไทยโดยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจดิจิทัลและ AI
แนะรัฐสร้างนักรบศก.เอไอ :
นายแสงชัย กล่าวว่า เศรษฐกิจใหม่ของไทย คือ การเปลี่ยนจากเศรษฐกิจพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ แรงงาน และการแข่งขันกันด้วยราคาเป็นการสร้างผู้ประกอบการที่พร้อมด้วยความสร้างสรรค์ ทุนทางวัฒนธรรม เทคโนโลยีดิจิทัล AI และนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจมูลค่าพิ่มยั่งยืน ฉะนั้นภารกิจของรัฐต้องส่งเสริมสนับสนุนสร้างเอสเอ็มอีในอนาคตให้เป็น “นักรบเศรษฐกิจ AI Technology and Innovation-driven Enterprises (AI-IDEs)” หรือ ผู้ประกอบการที่สามารถยกระดับรายได้หรือมูลค่าของธุรกิจด้วยเทคโนโลยี AI และนวัตกรรม
“สิ่งสำคัญ คือ การดึงพลเมืองเอสเอ็มอีและแรงงานเข้าระบบให้มากที่สุดเพื่อการขับเคลื่อนเชิงรุกของไทยที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล “เปลี่ยนจากทำน้อยได้มาก เป็น ทำน้อยได้อย่างมหาศาล ด้วย AI” อย่าให้แผน “AI Thailand” 5 ยุทธศาสตร์ 15 แผนงาน เป็นเพียง (แพลน) นิ่งเท่านั้น”นายแสงชัยกล่าว
=เชียร์สัมมนาเอไอมติชน :
นายแสงชัย กล่าวถึงกรณี มติชน กำหนดจัดสัมมนาส่งท้ายของปี หัวข้อ “Talks for Thailand 2025 AI for Equality เติมพลังเท่าเทียม” ที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ ซอยรางน้ำ กทม. วันที่ 22 ตุลาคมนี้ ว่า น่าสนใจ เพราะ “เอไอเพื่อความเท่าเทียม” มุ่งเป้าหมายยกระดับคุณภาพ ผลิตภาพ ขีดความสามารถของทรัพยากรมนุษย์ที่มีทักษะ สมรรถนะพร้อมส่งมอบคุณค่าสู่ความยั่งยืนของเศรษฐกิจและสังคมไทยซึ่งต้องแข่งขันอย่างเข้มข้นภายใต้ความผันผวน ความเสี่ยงกับพลวัตรโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงนับเป็นงานเสวนาที่มีความน่าสนใจ ในการแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดที่ลุ่มลึกจากหัวข้อที่ทันสมัยผสานกับการคัดสรรวิทยากรชั้นนำเติมเต็มฉากทัศน์ฉายภาพอนาคต AI Thailand ในบริบททำอย่างไรให้ “พลเมืองไทยเท่าเทียม”
เชื่อว่างานนี้จะเป็น “จุดประกายสังคมอุดมปัญญาด้วยปัญญาประดิษฐ์” ที่สร้างสรรค์เผยแพร่ประสบการณ์บนเวทีแชร์ทางออกทางรอดล้ำค่าให้ประเทศไทย”นายแสงชัยกล่าว
=มติชนจุดพลุไอเอเพื่อความเท่าเทียม :
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 22 ตุลาคมนี้ มติชนกำหนดจัดสัมมนาส่งท้ายของปี หัวข้อ “Talks for Thailand 2025 AI for Equality เติมพลังเท่าเทียม” ที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ ซอยรางน้ำ กทม. ภายในงานได้ระดมกูรูด้านความเหลื่อมล้ำ-เท่าเทียม มาให้ความรู้ ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลและเอไอ และผู้ที่คลุกคลีกับงานด้านสังคมและปัญญาประดิษฐ์มานั่งเสวนาร่วมกัน โดย ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่มีข้อมูลด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ทั้งด้านความเหลื่อมล้ำและความเท่าเทียม ขึ้นเวทีปาฐกถาพิเศษ ตามด้วย กานติมา เลอเลิศยุติธรรม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านธุรกิจองค์กร เอไอเอส มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการสัมภาษณ์พิเศษบนเวที ต่อด้วย เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้าน AI มาบรรยายพิเศษ
นอกจากนี้ยังมีวงเสวนา AI ตัวช่วย-ตัวฉุด เหลื่อมล้ำ จาก 4 วิทยากร ประกอบด้วย ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) รศ.นพ.เชิดชัย นพมณีจำรัสเลิศ รองอธิการบดีฝ่ายสารสนเทศและดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน มหาวิทยาลัยมหิดล ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ที่ปรึกษาสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) และ ผศ.ดร.ราชศักดิ์ สมยานนทนากุล กรรมการและเลขานุการ สมาคมปัญญาประดิษฐ์แห่งประเทศไทย
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 9 ตุลาคม 2568