สิงคโปร์กับอนาคตหลัง SG60
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2568 นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ นายลอว์เรนซ์ หว่อง กล่าวสุนทรพจน์วันชาติ ย้ำว่า "จิตวิญญาณแห่งสิงคโปร์" คือพลังสำคัญที่ทำให้ประเทศผ่านวิกฤตโควิด-19 มาได้ และการก้าวสู่อนาคตหลัง SG60 ต้องเป็นสังคมที่ประชาชนเป็นศูนย์กลาง เติบโตไปด้วยกัน
สุนทรพจน์ดังกล่าวชี้ 10 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ การยกระดับทักษะแรงงานผ่านโครงการ SkillsFuture Level-Up, การใช้ AI เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจและแรงงาน, โครงการ Age Well Neighbourhoods ดูแลผู้สูงอายุ, มาตรการเข้มงวดบุหรี่ไฟฟ้า, การขยายโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสิงคโปร์–ยะโฮร์บาห์รู
มาตรการเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของสิงคโปร์ในการรักษาความสามารถในการแข่งขัน และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายการลงทุนและสร้างความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล AI สุขภาพ และโครงสร้างพื้นฐานได้มากขึ้น
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2568 นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ นายลอว์เรนซ์ หว่อง ได้กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันชาติ1ว่า สิงคโปร์สามารถผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 มาได้ ไม่เพียงเพราะมาตรการของภาครัฐ แต่เพราะพลังของเจตจำนงร่วมของประชาชน หรือที่เรียกว่า”จิตวิญญาณแห่งสิงคโปร์” และหากต้องการเดินหน้าต่อเกินกว่าช่วง SG602สิงคโปร์จำเป็นต้องเป็นสังคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ที่ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน โดยสุนทรพจน์ดังกล่าวมี 10 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
(1)โครงการฝึกงานใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาอาชีวศึกษา (ITE) โพลีเทคนิค และมหาวิทยาลัย โดยรัฐจะเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุน เพื่อตอบสนองต่อความกังวลเรื่องการหางานในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
(2)การจับคู่ตำแหน่งงานโดยสภาพัฒนาชุมชน (CDCs) ด้วยเครือข่ายที่เข้มแข็งกับผู้ประกอบการ ร้านค้า ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงพันธมิตรในชุมชน CDCs จึงมีศักยภาพในการเชื่อมโยงผู้หางานเข้ากับตำแหน่งงานที่มีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานใกล้บ้าน
(3)การปรับปรุงโครงการ SkillsFuture Level-Up เปิดตัวในปี 2567 เพื่อช่วยให้ชาวสิงคโปร์อายุ 40 ปีขึ้นไปสามารถพัฒนาทักษะใหม่ได้ โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับเครดิต SkillsFuture จำนวน 4,000 เหรียญสิงคโปร์ และค่าฝึกอบรมสูงสุด 3,000 เหรียญสิงคโปร์ต่อเดือน เป็นระยะเวลาไม่เกิน 24 เดือน หากผู้เข้าร่วมต้องลาหยุดงานเพื่อศึกษาแบบเต็มเวลา
(4)โครงการ Age Well Neighbourhoods เพื่อสนับสนุนผู้สูงอายุ พื้นที่บริการที่เป็นจุดเชื่อมต่อ เช่น ศูนย์ส่งเสริมการสูงอายุ จะถูกออกแบบให้ผู้สูงอายุเข้าถึงได้ง่ายขึ้น บริการที่บ้าน เช่น งานซ่อมแซมง่าย ๆ และตรวจสุขภาพพื้นฐาน จะได้รับการขยายเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่ดูแลเฉพาะจะเข้าเยี่ยมผู้สูงอายุเป็นประจำและเป็นผู้ตอบสนองเบื้องต้นในกรณีฉุกเฉิน บริการด้านสุขภาพจะถูกยกระดับให้ใกล้ชิดกับผู้สูงอายุมากขึ้น โดยโครงการนี้เป็นส่วนขยายของโครงการระดับชาติที่มีอยู่แล้ว Age Well SG3
(5)การเข้มงวดต่อการใช้บุหรี่ไฟฟ้า (Vaping) ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าถูกจัดการเหมือนบุหรี่ทั่วไป โดยมีการปรับเงินผู้ฝ่าฝืน แต่เร็ว ๆ นี้จะถูกจัดการเหมือนปัญหายาเสพติด พร้อมบทลงโทษที่เข้มงวดมากขึ้น
(6)การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างมีประสิทธิภาพ สิงคโปร์จะใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อยกระดับผลผลิตและสร้างคุณค่าใหม่ในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ รัฐบาลจะสนับสนุนและเสริมศักยภาพให้ทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ให้สามารถใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน พร้อมทำงานร่วมกับสหภาพแรงงานและแรงงานเพื่อปรับโครงสร้างงาน และสร้างทักษะให้ผู้ปฏิบัติงาน
(7)การเสริมสร้างความปลอดภัยออนไลน์สำหรับเด็ก รัฐบาลกำลังศึกษาวิธีสนับสนุนผู้ปกครองในการเสริมสร้างความปลอดภัยออนไลน์ให้เด็ก ๆ โดยอ้างอิงจากประสบการณ์ของประเทศที่ออกกฎหมายควบคุมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียสำหรับผู้เยาว์
(8)ช่องทางเพิ่มเติมให้ชาวสิงคโปร์มีเสียงและมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย นอกเหนือจากกิจกรรม hackathons คณะกรรมการพลเมือง และคณะกรรมการเยาวชน ที่รัฐบาลได้จัดตั้งขึ้นเป็นช่องทางให้ประชาชนร่วมสร้างแนวทางแก้ไข
(9)วิทยาลัย Singapore College of Islamic Studies แห่งใหม่จะมีวิทยาเขตของตนเอง
(10)การพัฒนาพื้นที่ในอนาคตและการป้องกันชายฝั่ง ด่านตรวจ Woodlands จะขยายใหญ่ขึ้นเป็น 5 เท่า พื้นที่อุตสาหกรรมยืดหยุ่นจะถูกสร้างขึ้นรอบสถานีเชื่อมต่อ Johor Bahru–Singapore Rapid Transit System Link เพื่อรองรับธุรกิจที่ต้องการใช้ประโยชน์เต็มที่จากเขตเศรษฐกิจพิเศษ Johor–Singapore นอกจากนี้ จะพัฒนาพื้นที่สำหรับที่อยู่อาศัยใหม่ ทำให้ Woodlands กลายเป็นศูนย์กลางที่ทันสมัย ในขณะเดียวกัน การป้องกันชายฝั่งจะได้รับการยกระดับทั่วเกาะ เช่น โครงการ Long Island สำหรับแนวชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ และงานป้องกันรอบอ่าว Changi
ความคิดเห็น สคต. และข้อเสนอแนะ :
มาตรการของรัฐบาลสิงคโปร์ที่มุ่งยกระดับทักษะแรงงานผ่านโครงการ SkillsFuture Level-Up การส่งเสริมการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในภาคธุรกิจ ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การขยายด่านวูดแลนด์ส์ การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษสิงคโปร์–ยะโฮร์บาห์รู และการปรับโฉมพื้นที่อยู่อาศัยใหม่ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการค้าและการลงทุนระยะยาว ซึ่งจะช่วยให้สิงคโปร์คงความเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภูมิภาคต่อไปได้อย่างมั่นคง
สำหรับผู้ประกอบการไทย มาตรการดังกล่าวเปิดโอกาสให้สามารถขยายการลงทุนและสร้างความร่วมมือกับภาคธุรกิจสิงคโปร์ได้มากขึ้น โดยเฉพาะในด้านนวัตกรรม เช่น เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI การศึกษาและฝึกอบรมบุคลากร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงธุรกิจและบริการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุและสุขภาพ นอกจากนี้ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสิงคโปร์–ยะโฮร์บาห์รู ยังเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยใช้สิงคโปร์เป็นฐานเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนกับมาเลเซีย (ข้อมูล สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงสิงคโปร์ thaibizsingapore.com)
ที่มา globthailand
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2568

