ญี่ปุ่นออกกลยุทธ์ ฟื้นฟูอุตสาหกรรม semiconductor
เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2565 สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา ได้เข้าร่วมฟังการบรรยายหัวข้อ “ยุทธศาสตร์เซมิคอนดักเตอร์ (semiconductor) ของญี่ปุ่นในอนาคต” โดยนาย Takashi Eshita รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยวากายามะ ที่ได้กล่าวว่าในปี 2532 ญี่ปุ่นเคยมีส่วนแบ่งเซมิคอนดักเตอร์ในตลาดโลกสูงถึง 53% จุดเด่นของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ญี่ปุ่นในช่วงเวลาดังกล่าว คือ มีเงินทุนเนื่องจากบริษัทขนาดใหญ่มีส่วนร่วมในการพัฒนา และส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ดำเนินการออกแบบและผลิตอย่างครบวงจร (Integrated Device Manufacturer: IDM) โดยเน้นการผลิตเซมิคอนดักเตอร์เฉพาะด้าน เพื่อใช้สำหรับการผลิตสินค้าของบริษัทตนเอง
ต่อมาในระยะหลัง เกาหลีใต้ จีน รวมถึงจีนไทเป ได้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของญี่ปุ่นลดลง นำไปสู่การถดถอยของอุตสาหกรรม ที่เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ได้แก่
(1) ข้อตกลงทางการค้าเซมิคอนดักเตอร์ระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา (The U.S.-Japan Semiconductor Agreement) ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการทุ่มตลาดเซมิคอนดักเตอร์ของญี่ปุ่นและส่งเสริมการใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่ผลิตจากต่างประเทศในญี่ปุ่น
(2) พัฒนาการทางเทคโนโลยีในเกาหลีใต้และจีนไทเป
(3) บริษัทในญี่ปุ่นมีลักษณะการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ตอบโจทย์บริษัทตนเองเท่านั้น โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับการทำการตลาด และ (4) ความพยายามของรัฐบาลญี่ปุ่นในการส่งเสริมให้บริษัทเอกชนปรับตัวกับเทรนด์การใช้เซมิคอนดักเตอร์แบบใหม่ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากบริษัทไม่มีงบประมาณลงทุนและขาดแรงจูงใจ
แม้ว่าตลาดเซมิคอนดักเตอร์ของญี่ปุ่นจะซบเซา แต่ญี่ปุ่นยังคงมีจุดแข็งในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ คือ ญี่ปุ่นมีบริษัทดำเนินธุรกิจผลิตเครื่องจักร (เช่น Tokyo Electron, SCREEN, Advantest) และบริษัทผลิตวัตถุดิบในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (เช่น Shin-Etsu Handotai, Samco) รวมถึงบริษัทที่โดดเด่นด้านการผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้อง อาทิ flash memory จาก KIOXIA หรือ CMOS image sensor จาก Sony อีกทั้ง ยังมีบริษัทญี่ปุ่นที่ผลิตสารเคมีที่มีความซับซ้อน เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ เช่น Ajinomoto Build-Up Film จากบริษัท Ajinomoto อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นยังคงขาดเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต โดยเฉพาะเทคโนโลยีลดขนาดของเซมิคอนดักเตอร์
ในปัจจุบัน รัฐบาลญี่ปุ่นมีความต้องการที่จะฟื้นฟูอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์นี้ โดย Ministry of Economy, Trade, and Industry (METI) ได้มีการวางยุทธศาสตร์สำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เช่น การสนับสนุนให้ TSMC หรือบริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้มาตั้งโรงงานที่จังหวัดคุมาโมโตะรวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐอเมริกาในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ
นอกจากนี้ จะมีการสร้าง Leading-Edge Semiconductor Technology Center ที่คาดว่าจะเปิดในปีนี้ และการเปิดตัว บริษัท Rapidus บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของญี่ปุ่น ในเดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา และสำหรับการสนับสนุนจากหน่วยงานท้องถิ่น จังหวัดมิเอะ มีแผนจัดตั้งกลุ่มเครือข่าย Mie Semiconductor Network เพื่อเป็นแพลตฟอร์มสร้างความร่วมมือระหว่างบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเซมิคอนดักเตอร์ ภาคการศึกษา และภาครัฐ แสดงให้เห็นถึงความพยายามของหน่วยงานท้องถิ่นในการร่วมมือเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เช่นเดียวกัน (ข้อมูล : สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา)
ที่มา globthailand
วันที่ 3 มีนาคม 2566