ใครคิดถึงตลาดนัดจตุจักร ไม่ควรพลาด! ไม่ต้องบินกลับกรุงเทพฯ เพราะตลาดนัดจตุจักรกลางคืน (Chatuchak Night Market) กลับมาเปิดแล้วตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ – 2 เมษายน 2566 ที่ The Grandstand ถนน Turf Club 

 

โดยมีร้านค้าส่งตรงจากไทยเข้าร่วมมากมาย ทั้งอาหารสตรีทฟู้ด สินค้า OTOP และอื่น ๆ ให้ได้เลือกชิมเลือกช็อปได้ในบรรยากาศตลาดนัดแบบไทย ๆ 

 

บนพื้นที่กว่า 2,323 ตารางเมตร (25,000 ตารางฟุต) ของลานจอดรถฝั่งทิศใต้ของ The Grandstand ตลาดนัดจตุจักรกลางคืนได้กลับมาจัดอีกครั้ง หลังจากได้เสียงตอบรับอย่างดีจากการจัดครั้งแรกในปี 2563 แต่ต้องหยุดจัดไป 2 ปี เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายชุตินทร คงศักดิ์ เอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ ได้เป็นประธานในพิธีเปิดตลาดนัดอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ ผู้จัดงานคาดว่าจะมีคนมาเที่ยวชม ชิม ช็อปที่ตลาดนัดแห่งนี้มากถึง 450,000 คน ตลอด 2 เดือนนี้

 

การจัดงานตลาดนัดจตุจักรสิงคโปร์ครั้งนี้ มีร้านค้าเข้าร่วมกว่า 180 ร้าน :

 คละกันทั้งผู้ประกอบการจากไทยและสิงคโปร์ โดยพ่อค้าแม่ค้าจากร้านชื่อดังในไทยกว่า 60 รายจากหลายจังหวัดของไทย บินข้ามประเทศมาร่วมออกร้านในครั้งนี้ และจะหมุนเวียนกันไปในแต่ละสัปดาห์ เช่น ร้านกวยจั๊บจากลพบุรี ร้านห่อหมกปลาจากประจวบคีรีขันธ์ และร้านชาชักจากสตูล และยังมีบูทจากร้านอาหารของคนไทยในสิงคโปร์อีกกว่า 50 ร้านเข้าร่วมด้วย 

 

พื้นที่โซนร้านอาหารและเครื่องดื่มถือเป็นไฮไลต์ของตลาด :

มีที่ให้นั่งรับประทานกว่า 200 ที่นั่ง และจุดจำหน่ายเบียร์ไว้บริการหลายจุด สำหรับคนที่อยากเดินเลือกซื้อสินค้า ตลาดนัดมีโซนค้าปลีกและบริการ (retails & services) เช่น สินค้าแฟชั่น ของใช้น่ารัก ๆ และของตกแต่งบ้าน และหากรู้สึกเมื่อยจากการเดิน หรือ ระหว่างรอเพื่อนก็สามารถแวะรับบริการนวดแผนไทยหรือทำเล็บในงานได้ ส่วนใครอยากโพสต์ลงโซเชียลเก๋ ๆ ให้ได้บรรยากาศแบบไทย ๆ เพิ่มขี้นไปอีก ก็แวะจุดบริการเช่าชุดไทยเพื่อใส่เดินเล่นและถ่ายรูปสวย ๆ ในตลาดได้เลย

 

โอกาสของผู้ประกอบการไทย :

คนสิงคโปร์ชื่นชอบอาหารไทยและสตรีทฟู้ดของไทยเป็นอย่างมาก สำนักข่าวรายใหญ่หลายแห่งในสิงคโปร์ต่างพูดถึงเมนูเด็ดของไทยหลายอย่าง เช่น หมูปิ้ง ไก่ย่างกะทิ ข้าวห่อใบบัว หอยทอด และน้ำมะพร้าวปั่น สะท้อนให้เห็นว่าเทรนด์อาหารสตรีทฟู้ดไทยในสิงคโปร์กำลังเป็นที่น่าจับตามอง ดังนั้น ผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพไทยอาจต่อยอดการค้าให้กับธุรกิจตนเองได้ โดยการเข้าร่วมออกร้านที่ตลาดนัดในสิงคโปร์เพื่อทดลองตลาดสินค้าใหม่ๆ 

 

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะในด้านอาหารยังสามารถใช้ข้อได้เปรียบด้านโลจิสติกส์ทางบกจากการที่ไทยและสิงคโปร์เป็นประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงกัน และสามารถนำขนส่งสินค้าอาหารทางบกได้สะดวก ซึ่งจะใช้เวลาน้อยกว่าการขนส่งทางเรือ และประหยัดกว่าการขนส่งทางอากาศ (ข้อมูล : ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสิงคโปร์ สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์)

 

ที่มา globthailand

วันที่ 10 มีนาคม 2566