"ททท." จ่อตั้งสนง.ซาอุฯ ดึงเที่ยวไทย ตั้งเป้าปี’66 แตะ 1.5 แสนคน
นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ผลของการฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียเซ็กเตอร์ที่ได้ประโยชน์สูงมากคือภาคการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยจากสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวชาวซาอุดีอาระเบีย ตั้งแต่ปี 2558-2566 พบว่า ปี 2558 มีชาวซาอุฯเข้ามาเที่ยวไทย จำนวน 25,153 คน ปี 2559 อยู่ที่ 33,038 คน ปี 2560 อยู่ที่ 42,610 คน ปี 2561 อยู่ที่ 35,090 คน ปี 2562 อยู่ที่ 36,783 คน ปี 2563 อยู่ที่ 6,372 คน ปี 2565 อยู่ที่ 96,389 คน ถือเป็นตัวเลขที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะเป็นตัวเลขที่ไม่เต็มปีด้วย โดย 3 เดือนแรกปี 2566 อยู่ที่ 21,388 คนแล้ว ซึ่งตั้งเป้าหมายปี 2566 อยู่ที่ 1.5 แสนคน สร้างรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท และเพื่อผลักดันให้ถึงเป้าหมายจะมีการเปิดสำนักงาน ททท.ที่ประเทศซาอุฯด้วย
“เราเห็นการไปมาหาสู่กันในบางมิติที่มีข้อยกเว้น อาทิ การเข้ามารับการรักษาพยาบาล ทำให้เห็นจำนวนนักท่องเที่ยวชาวซาอุฯเข้ามาไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ยังไม่มีการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทำให้เมื่อมีการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแล้วถือเป็นโอกาสที่เกิดขึ้น ซึ่งรูปแบบการเข้ามาของชาวซาอุฯนิยมเข้ามาเที่ยวเป็นคู่รัก เป็นคนรุ่นใหม่ นอนโรงแรมระดับหรูสุด ใช้จ่ายสูง ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 1 แสนบาทต่อคนต่อทริป เทียบกับภาพรวมเฉลี่ย 4-5 หมื่นบาท ทำให้นักท่องเที่ยวชาวซาอุฯถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมาก ถือเป็นโอกาสของประเทศไทยที่มีนักท่องเที่ยวไฮแวลูเข้ามา” นายศิริปกรณ์กล่าว
นายศิริปกรณ์กล่าวว่า พฤติกรรมนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงสามารถพิสูจน์ได้ อาทิ นิยมเดินทางเที่ยวเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ เป็นคู่รักที่มีหลายคู่มาเป็นเพื่อนกัน รูปแบบการท่องเที่ยว นิยมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและรักษาพยาบาล ท่องเที่ยวทางทะเล ธรรมชาติ สถานบันเทิง และช้อปปิ้ง ปัจจัยที่ส่งผลต่อการท่องเที่ยวของไทย ได้แก่ ความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว อัธยาศัยไมตรีของคนไทย โดยจากการพูดคุยกับนักลงทุนชาวซาอุฯและคนในแวดวงอุตสาหกรรมท่องเที่ยว บอกว่าเคยมาเที่ยวไทยในตอนเป็นเด็ก เมื่อครั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังดีอยู่ จำภาพคนไทยและอาหารได้ เมื่อได้กลับมาเที่ยวไทยอีกครั้งก็ประทับใจที่คนไทยยังมีอัธยาศัยที่ดี รสชาติอาหารไทยเป็นเหมือนในความทรงจำ การให้บริการที่ดีมาก ทำให้ความสำคัญที่สุดของภาคการท่องเที่ยวไทยคือคนไทย ที่หากยังมีนิสัยใจคอที่ดีแบบนี้ไทยจะเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ในใจของคนต่างชาติแน่นอน
นายศิริปกรณ์กล่าวว่า นอกจากนี้ ส่วนใหญ่จะจองล่วงหน้าอยู่ประมาณ 26 วัน ไม่ถึงเดือน ถือว่าจองสั้นกว่าเดิม เพราะสถานการณ์ในบางประเทศก็สร้างความไม่มั่นใจมากนัก มีการจองโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป 86% พักนาน 9 วันขึ้นไป 45% นิยมจองท่องเที่ยวเองมากกว่าซื้อเป็นแพคเกจท่องเที่ยว 75% และมีการจองกับตัวแทนบริษัทนำเที่ยว 61% กลุ่มเป้าหมายเป็นครอบครัว วัยทำงาน คนรักสุขภาพ และคู่รักฮันนีมูน ซึ่งกลุ่มครอบครัวมาแรงมากเทียบกับภาพรวม ในจำนวนนักท่องเที่ยวชาวซาอุฯที่เข้ามาเที่ยวไทยนั้น เป็นการเดินทางมาครั้งแรก 53% เท่ากับว่าอีก 43% เคยมาเที่ยวไทยและกลับมาเที่ยวซ้ำ ซึ่งถือเป็นโอกาสในอนาคต เพราะเฉลี่ยคนที่มาเที่ยวไทยจะมาซ้ำถึง 65% เพราะมีความประทับใจ ทำให้กลุ่มที่มาเที่ยวไทยครั้งแรก
นายศิริปกรณ์กล่าวว่า ปี 2565 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทย 11.58 ล้านคน เทียบปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเกือบ 40 ล้านคน ซึ่งในช่วง 3 เดือนแรกปี 2566 มีเข้ามาแล้ว 6.4 ล้านคน หรือเฉลี่ยที่ 2 ล้านคนต่อเดือน จึงมีการตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 2566 อยู่ที่ 25 ล้านคน และมีการคาดการณ์ของเอกชนมองถึง 30 ล้านคน แม้เป้าหมายจำนวนไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่เน้นในแง่รายได้ที่มีมากขึ้นแทน อาทิ การทำให้นักท่องเที่ยวพักนานขึ้น มีกิจกรรมทำมากขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น ได้รับการตอบแทนจากการใช้จ่ายมากขึ้น
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 11 เมษายน 2566