"เอสเอ็มอี" โอดตั้ง รบ.ช้า แรงซื้อฝืด-รายย่อยชะงัก ชี้สภาพสุญญากาศ "ยิ่งนานยิ่งเสียหาย"
"เอสเอ็มอี" โอดตั้งรัฐบาลใหม่ช้า แรงซื้อฝืด-รายย่อยชะงัก ชี้สภาพสุญญากาศ "ยิ่งนานยิ่งเสียหาย" ห่วงไตรมาส 3 ไร้งบกระตุ้น ศก.
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า หลังจากสมาพันธ์ฯพบปะ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะพรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้ประชุมคณะกรรมการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ เพื่อรายงานผลการพูดคุย พร้อมกับเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อเนื่อง ซึ่งเอสเอ็มอีทั่วประเทศพอใจกับผลการพบปะหารือกับทีมนายพิธา
เชื่อว่าไม่ว่าที่สุดแล้วจะได้เป็นขั้วในการจัดตั้งรัฐบาล หรือเป็นฝ่ายค้าน ทีมนายพิธาก็จะนำประเด็นที่ได้หารือกับสมาพันธ์ไปบรรจุในนโยบายในการขับเคลื่อนของรัฐบาลใหม่ หรือพรรคการเมือง เพื่อให้การออกแนวทางหรือมาตรการช่วยเหลือและส่งเสริมภาคเอสเอ็มอีและรายย่อยได้ตรงความต้องการและลดความเดือดร้อนได้ตรงประเด็นที่สุด ซึ่งตอนนี้ประสบปัญหาต้นทุนและค่าใช้จ่ายบริหารจัดการสูงมาก เช่น ค่าไฟ ดอกเบี้ยขาขึ้น ค่าแรงงาน การขาดแรงงานทักษะ และกำลังซื้อยังไม่เติบโตเท่าที่คาดหวังไว้
อีกทั้งปัจจัยภายนอกประเทศที่มีผลต่อการส่งออกและการลงทุนใหม่ๆ ทั้งนี้ ได้ให้เอสเอ็มอีทั่วประเทศ สำรวจสถานการณ์แลเะความต้องการของแต่ละภาคมาอีกทั้ง เพื่อรวบรวมก่อนนำเสนอรัฐบาลใหม่อีกครั้ง เพราะมีหลายเรื่องต้องติดตามและทวงถามในระดับถัดไป
“ความไม่ชัดเจนทางการเมือง จะจัดตั้งรัฐบาลใหม่และได้ตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่เมื่อไหร่ เสถียรภาพทางการเมืองจะแค่ไหน หรือเหตุการณ์ปะทะจากความเห็นแตกต่างจะมีหรือไม่ หรือรุนแรงแค่ไหน ล้วนเพิ่มความกังวลทางธุรกิจ โดยเฉพาะรายย่อย ซึ่งยังเป็นห่วงโซ่ในทุกภาคส่วน
“ตอนนี้เราพึ่งพาการท่องเที่ยวและภาคบริการ ซึ่งหากมีเหตุการณ์กระทบต่อความเชื่อมั่นในการเดินทางมาท่องเที่ยวในไทย จะกระทบไปถึงรายได้รายย่อยและเอสเอ็มอีที่เกี่ยวข้องกับนี้ทันที ตอนนี้โดยรวมกำลังซื้อฝืดมาก รายได้ยังไม่เท่าเดิม แต่ยังต้องแบกรับต้นทุนที่อาจสูงจากค่าแรง ดอกเบี้ย แม้จะมีการช่วยเหลือเข้าถึงแหล่งทุนก็เจออัตราดอกเบี้ยที่สูง หากซ้ำเติมด้วยเหตุการณ์การเมืองยังไม่ไปถึงไหน ตั้งรัฐบาลยืดเยื้อ และไม่ชัดว่าเสถียรภาพเป็นอย่างไร อาจมีผลต่อรายย่อยชะงักกันอีกมาก” นายแสงชัยระบุ
นายแสงชัยกล่าวต่อว่า เดิมนั้นเอสเอ็มอีเราอยากเห็นว่าหลังจัดการเลือกตั้งแล้วเสร็จ ไม่เกิน 4 เดือนจะได้เห็นรัฐบาลใหม่เข้าบริหารประเทศ และการเมืองควรชัดเจนภายในเดือนสิงหาคม ไม่ใช่มีบรรยากาศสุญญากาศอย่างตอนนี้ ยิ่งนานจะยิ่งเสียหาย เชื่อว่าทุกภาคส่วนตระหนักในเรื่องนี้้
นายแสงชัยกล่าวว่า ไตรมาส 3 จะมีเงินอะไรลงในระบบเศรษฐกิจ รัฐบาลใหม่ก็ยังไม่ชัดเจน งบประมาณต้องรอสภา นักลงทุนลังเลรอดูสถานการณ์ รายย่อยแบกรับภาระหนี้เดิมในอัตราสูง ดังนั้น ไม่อยากให้ต้องรอตั้งรัฐบาลใหม่
ที่มา 16 มิถุนายน 2566