รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน วันที่ 1-2 เมษายน 2565
เมื่อวันที่ 1-2 เมษายน 2565 รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางเยือนเมืองหวงซาน มณฑลอานฮุย สาธารณรัฐประชาชนจีน
ตามคำเชิญของนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนำคณะผู้แทนภาคเอกชนของไทยร่วมคณะเดินทางด้วย เพื่อหารือแนวทางกระชับและเพิ่มพูนความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และสถานการณ์โลก
รองนายกรัฐมนตรีฯ และมนตรีแห่งรัฐฯ เห็นพ้องที่จะกระชับความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทยกับจีนซึ่งครบรอบ 10 ปีในปีนี้ และส่งเสริมความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจผ่านการอำนวยความสะดวกด้านการค้า โดยเฉพาะการเร่งแก้ปัญหาการขนส่งสินค้าเกษตรและผลไม้ผ่านด่านชายแดนทางบกจากไทยไปจีนซึ่งกำลังจะออกสู่ตลาดในเร็ววันนี้ รวมถึงการพิจารณาจัดทำ “ช่องทางสีเขียว” และข้อเสนอเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและเร่งรัดการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้ตรวจปล่อยสินค้าที่เน่าเสียง่ายสะดวกรวดเร็วมากขึ้น การส่งเสริมการลงทุนของเอกชนจีนในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การคุ้มครองดูแลธุรกิจและ
นักลงทุนของแต่ละฝ่าย การใช้ประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และการส่งเสริมความเชื่อมโยงโดยเฉพาะโครงการรถไฟจีน - ลาว กับระบบรางของไทย
ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายได้หารือแนวทางการเพิ่มพูนความร่วมมือในสาขาที่ตอบสนองต่อการพัฒนาในอนาคต อาทิ เทคโนโลยี Fintech พลังงานสะอาด ความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน รวมทั้งเห็นพ้องที่จะขับเคลื่อนความร่วมมือด้านสาธารณสุข การศึกษา รวมทั้งการส่งเสริมความสัมพันธ์ผ่านการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงและในระดับประชาชน โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกให้นักเรียนและนักศึกษาไทยเดินทางกลับไปศึกษาต่อที่จีน ฝ่ายจีนยังรับพิจารณาคำขอของฝ่ายไทยให้สายการบินไทยกลับไปทำการบินพาณิชย์ในเส้นทางระหว่างไทยกับจีนด้วย
ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับประเด็นในภูมิภาคและสถานการณ์โลกที่อยู่ในความสนใจร่วมกัน อาทิ สถานการณ์ในยูเครน โดยเฉพาะความสำคัญของการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาโดยสันติ การรับมือและหาแนวทางบริหารจัดการวิกฤตด้านมนุษยธรรม การฟื้นฟูเศรษฐกิจและผลกระทบในวงกว้างต่อประชาคมระหว่างประเทศ และสถานการณ์ในเมียนมา โดยได้ยืนยันความประสงค์ที่จะเห็นสันติภาพและเสถียรภาพในเมียนมาและย้ำการสนับสนุนการดำเนินการของประธานอาเซียนของกัมพูชา
ขณะเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำเจตนารมณ์ที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง อาเซียน เอเปค และสหประชาชาติด้วย
ภายหลังจากการหารือกับมนตรีแห่งรัฐฯ รองนายกรัฐมนตรีฯ และคณะได้หารือกับนายหวัง ชิงเซี่ยน ผู้ว่าการมณฑลอานฮุย พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานด้านเศรษฐกิจหลักของมณฑล ได้แก่ คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูป สภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมพาณิชย์ กรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานการต่างประเทศ รวมทั้ง
ผู้แทนธุรกิจสำคัญของอานฮุย โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาเศรษฐกิจโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ อาทิ การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ความร่วมมือด้านการศึกษาและด้านวิทยาศาสตร์ รวมทั้งการส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับรัฐบาลท้องถิ่น เช่น
การสถาปนาเมืองพี่เมืองน้องระหว่างกัน
ที่มา กระทรวงการต่างประเทศ
วันที่ 4 เมษายน 2565