นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Oregon State University ได้พัฒนากระบวนการนำน้ำเสียมาผลิตไฮโดรเจนสีเขียว หรือ Green Hydrogen พร้อมกับกรองน้ำให้สะอาดไปในเวลาเดียวกัน

 

ไฮโดรเจนสีเขียว หรือ Green Hydrogen คือ ไฮโดรเจนที่ปราศจากก๊าซคาร์บอน เป็นเชื้อเพลิงสะอาดที่ถูกใช้เป็นพลังงานทางเลือกในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อขับเคลื่อนยานพาหนะ ไปจนถึงการผลิตไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนและธุรกิจต่าง ๆ โดยปกติแล้วการผลิตไฮโดรเจนจะมาจากกระบวนการทางเคมีที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก แต่ในทางตรงกันข้าม ไฮโดรเจนสีเขียวนี้สามารถผลิตขึ้นมาจากพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลมหรือพลังงานแสงอาทิตย์ โดยไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอน อีกทั้งยังสามารถสกัดได้จากทั้งน้ำจืดและน้ำทะเลอีกด้วย

 

ปัจจุบัน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Oregon State University ได้พัฒนาระบบในการผลิตไฮโดรเจนจากน้ำที่ปนเปื้อนสารกำจัดวัชพืช ซึ่งพบได้ทั่วไปในพื้นที่การเกษตร ในขณะที่ช่วยกรองน้ำให้สะอาดไปด้วยในเวลาเดียวกัน ขณะเดียวกัน คิริคอส สไตลินู ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาเคมีที่มหาวิทยาลัย Oregon State University ซึ่งเป็นหัวหน้าการศึกษานี้กล่าวว่า น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตแต่การบริโภคน้ำที่ปนเปื้อนอาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของคนเราได้ ทั้งนี้ กลุ่มเกษตรกร ถือว่าเป็นตัวอย่างของผู้ที่ใช้เทคโนโลยีนี้ในการกรองน้ำให้บริสุทธิ์ และนำไฮโดรเจนที่ได้มาใช้กับอุปกรณ์การเกษตรในฟาร์ม ! 

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “สหรัฐฯ กำลังดำเนินการอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นเพื่อนำภาคพลังงานของประเทศไปสู่แนวทางการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050”

 

การผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมถือเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามของรัฐบาลปธน.ไบเดนต่ออนาคตพลังงานที่สะอาดขึ้น เพราะหลายประเทศต่างให้ความสนใจการผลิตไฮโดรเจนในประเทศเพื่อใช้เป็นแหล่งเชื้อเพลิงทางเลือกกันมากขึ้น

 

สุนิตา ศัตยาปาล ผู้อำนวยการสำนักงานเทคโนโลยีไฮโดรเจนและเซลล์เชื้อเพลิงที่กระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ กล่าวกับวีโอเอผ่านทาง Skype ว่า “เหตุผลหลักประการหนึ่งคือประเทศต่าง ๆ ต่างตระหนักดีว่า ในการที่จะบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศได้นั้น จำเป็นต้องมีธาตุที่ปราศจากคาร์บอน อย่างเช่นไฮโดรเจน ซึ่งมีประโยชน์รอบด้าน”

 

และนั่นก็คือสิ่งที่ขับเคลื่อนความคิดริเริ่มด้านนวัตกรรมไฮโดรเจนในภาครัฐและเอกชนในฐานะแหล่งเชื้อเพลิงทางเลือกสำหรับอนาคต

 

ที่มา globthailand

วันที่ 11 ตุลาคม 2566