นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ประกาศวิสัยทัศน์ "Forward Singapore" เพื่อวางแนวทางการพัฒนาประเทศ โดยสำรวจความคิดเห็นและความต้องการของประชาชนกว่า 2 แสนคน จากทุกภาคส่วนในสิงคโปร์เป็นเวลา 16 เดือน แล้วนั้น รัฐบาลสิงคโปร์จึงจำเป็นต้องมี (1) เศรษฐกิจที่เติบโตและแข็งแรง (2) พัฒนาสังคมให้มีความเท่าเทียมและยุติธรรมมากขึ้น (3) เพิ่มความสามัคคีและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในชาติ ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์ได้สะท้อนเป้าหมายดังกล่าวด้วยแผนงาน 7 ประการ โดยคำนึงถึงปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อสิงคโปร์จากความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยภายนอก อาทิ สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่ยากจะคาดการณ์ การเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจโลก และความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยภายใน อาทิ จำนวนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้อจำกัดทางด้านที่ดิน แรงงาน และคาร์บอน รวมถึงความท้าทายจากความไม่เท่าเทียมและสนถานะทางสังคม

 

แผนงาน 7 ประการของสิงคโปร์ 

 

1)การสร้างการเรียนรู้ที่ไม่ถูกจำกัดด้วยระบบการให้คะแนน ซึ่งจะช่วยสร้างความใฝ่รู้และการรักในการเรียนรู้ เพื่อให้บุคคลตระหนักถึงศักยภาพที่แท้จริงของตนและพัฒนาไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต 

 

2)การเคารพและตอบแทนต่อทุกสาขาอาชีพ ได้แก่ (1) ลดช่องว่างของรายได้ โดยเพิ่มค่าจ้างแก่อาชีพที่ทำงานด้วย “แรง” และ “ใจ” (2) สนับสนุนบุคคลที่อยู่ช่วงการเปลี่ยนผ่านด้านอาชีพ โดยการจับคู่งานในตลาดให้ตรงตามทักษะของบุคคล โดยเฉพาะผู้ที่ถูกเลิกจ้าง และ (3) ส่งเสริมแรงงานท้องถิ่นให้เป็นผู้เชี่ยวชาญและสามารถบริหารได้ 

 

3)การสนับสนุนครอบครัวในทุกช่วงชีวิต ได้แก่ (1) สนับสนุนโครงการบ้านเคหะ (HDB) ที่ราคาเอื้อมถึงยุติธรรมและมีสัดส่วนหรือขนาดที่เหมาะสม (2) สนับสนุนผู้ที่มีบุตรอยู่ในวัยทารก โดยให้สิทธิลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรและสร้างทางเลือกเพื่อการดูแลทารก (3) สนับสนุนการมีชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวที่เหมาะสม เช่น ยืดหยุ่นช่วงเวลา/สถานที่ทำงาน และ (4) เพิ่มการสนับสนุนที่มีภาระดูแลผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุในครอบครัว  

 

4)การส่งเสริมคุณภาพชีวิตในผู้สูงอายุ ผ่านโครงการ Age Well SG โดย (1) เพิ่มกิจกรรมภายในชุมชนให้ผู้สูงอายุได้พบปะสังสรรค์ (2) เพิ่มการเข้าถึงบริการสำหรับผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องได้รับการดูแล และ (3) ออกแบบและพัฒนาระบบบ้านและชุมชนให้เป็นมิตรแก่ผู้สูงอายุมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการแจกจ่ายโบนัสผู้สูงอายุ แก่กลุ่มผู้สูงอายุในช่วง 50-70 ปี เพื่อสามารถดูแลค่าใช้จ่ายพื้นฐานของตนตลอดระยะเวลาที่ยังทำงานและส่งเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (CPF) 

 

5)การยกระดับคุณภาพชีวิตสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยรัฐบาลจะเพิ่มเงินสนับสนุนครอบครัวที่มีบุตรอยู่ในวัยการศึกษาชั้นปฐมวัย รวมถึงยังมีแผนสังคมที่เอื้อต่อความหลากหลายสำหรับบุคลพิการมากขึ้น 

 

6)การลงทุนสำหรับอนาคตร่วม ได้แก่ (1) วางแผนระยะยาวเพื่อใช้พื้นที่ที่มีจำกัดให้เกิดประโยน์สูงสุดอย่างมั่นคงและทนทานต่อความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศ (2) สร้างความมั่นคงทางอาหารและน้ำ และ (3) มัธยัสถ์และรับผิดชอบต่อการเงินของประเทศเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของประชากรในรุ่นต่อไป 

 

7)การทำหน้าที่ของจนอย่างมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ได้แก่ (1)การปลูกฝังวัฒนาธรรมการให้ (2) เชื่อมโยงผู้บริจาคและกลุ่มอาสาสมัครเข้าด้วยกันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของชุมน (3) สร้างความแข็งแกร่งของสิงคโปร์ในฐานะสังคมที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและมีอัตลักษณ์ความเป็นสิงคโปร์ที่ไม่เหมือนใคร และ (4) เพิ่มพื้นที่สาธารณะที่พลเมืองสามารถมีส่วนร่วมทางสังคมระหว่างกัน (ข้อมูล : สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ )

 

ที่มา globthailand

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566