รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ประจำปี 2566
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2566 นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ประจำปี 2566ในหัวข้อ “การทูตเชิงรุกในโลกแบ่งขั้ว” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 19-24 พฤศจิกายน 2566 ที่กรุงเทพฯ โดยมีเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยจาก ๙๗ สำนักงานทั่วโลก พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมด้วย




รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้รับฟังผลการประชุมและข้อเสนอจากเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล, เอกอัครราชทูต ณ กรุงธากา และเอกอัครราชทูต ณ กรุงอิสลามาบัด ในฐานะผู้แทนผู้เข้าร่วมการประชุมฯ ในสามภารกิจหลักของกระทรวงการต่างประเทศ ได้แก่ การทูตเชิงรุกในมิติภูมิรัฐศาสตร์ การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก และการทูตเพื่อประชาชน รวมทั้งได้มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการเสริมสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลกในประเด็นต่าง ๆ อาทิ การพัฒนาที่ยั่งยืน สาธารณสุข และความเชื่อมโยงของภูมิภาค

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ย้ำความสำคัญของการเพิ่มประสิทธิภาพของการบริการด้านงานกงสุลและการดูแลคุ้มครองคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย
ในการกล่าวปิดการประชุมฯ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ย้ำถึงบทบาทสำคัญของเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ในการนำ “ทีมประเทศไทยพลัส” โดยขอให้มีการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานไทยในต่างประเทศกับภาคเอกชนไทย เพื่อนำไทยให้มีบทบาทและมีความหมายในเวทีโลก รวมทั้งเร่งหาโอกาสการทางค้าและการลงทุนเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ของไทยในต่างประเทศ ตลอดจนได้มอบแนวทางในการทำงาน ดังนี้
1)ให้ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง (customer-centric)
2) มุ่งผลสัมฤทธิ์ที่จับต้องได้ (concrete) โดยลดขั้นตอนงานที่ไม่จำเป็น
3)ทำงานเป็นทีมอย่างสอดประสาน (coordination) และ
4)การทำงานให้บรรลุเป้าหมาย (can-do attitude) โดยได้ขอให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ทุกแห่งจัดทำแผนงานเพื่อปฏิบัติตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของนโยบายการทูตเชิงรุกอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

ที่มา กระทรวงการต่างประเทศ
วันที่ 6 ธันวาคม 2566