เจียงซี เป็นหนึ่งในมณฑลตอนในของจีนที่มีความโดดเด่นทั้งด้านทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และมีศักยภาพด้านอุตสาหกรรมหลายสาขา โดยที่ผ่านมา มณฑลเจียงซีเร่งสร้างความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุตสาหกรรม เช่น การแพทย์แผนจีน การเกษตรอัจฉริยะ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การคมนาคมและโลจิสติกส์ การค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนพลังงานใหม่และเทคโนโลยีขั้นสูง

 

ในอุตสาหกรรมพลังงานใหม่และเทคโนโลยีขั้นสูง มณฑลเจียงซี เป็นฐานการผลิต solar cell ระดับโลก ขณะที่เมืองซ่างเหรา เป็นหนึ่งในฐานการผลิตหลักของมณฑล อีกทั้งเมืองซ่างเหรา ยังเป็นหนึ่งในฐานการผลิตแผง solar cell ที่ใหญ่เป็นอันดับต้นของโลกและมีห่วงโซ่อุตสาหกรรม solar cell ที่สมบูรณ์ ตั้งแต่การผลิตแผ่น silicon wafer สำหรับวงจรรวม การผลิตแผง solar cell และชิ้นส่วนอื่น ๆ สำหรับ solar cell  

 

ปัจจุบัน เมืองซ่างเหรามีวิสาหกิจในห่วงโซ่อุตสาหกรรม solar cell ที่มีชื่อเสียงกว่า 52 บริษัท โดยมีการผลิตและส่งออกชิ้นส่วน solar cell ไปยังหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงไทย เช่น บริษัท Jinko Solar Co., Ltd. และบริษัท LONGI Solar เป็นต้น  

 

ทั้งนี้ จากข้อมูลการส่งออกสินค้าพลังงานใหม่และเทคโนโลยีขั้นสูงที่ทางศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ เมืองเซี่ยเหมิน (BIC) ได้ศึกษาค้นคว้าระบุว่า solar cell เป็นสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกมากเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ รวม 1.9 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.7 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า จึงทำให้ทาง BIC เล็งเห็นว่า solar cell จะเป็นโอกาสให้ไทยสามารถขยายความร่วมมือกับจีนในด้านนี้ต่อไป 

 

โอกาสความร่วมมือกับไทย :

 

ขณะที่ไทยมีการกำหนด “แผนการพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2561 – 2580” โดยมีการส่งเสริมการลงทุนในห่วงโซ่อุตสาหกรรมการผลิตผ่านการให้สิทธิประโยชน์ทั้งด้านภาษีและมิใช่ภาษี ทั้งนี้ ปัจจุบัน อุตสาหกรรม solar cell ของไทยสามารถพัฒนาได้อีกมาก โดยไทยยังต้องพึ่งพาการนำเข้าชิ้นส่วน solar cell จากต่างประเทศ โดยจีนเป็นประเทศนำเข้าหลักของไทย นอกจากนั้น จีนยังเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในอุตสาหกรรม solar cell ของไทย เนื่องจากมีความต้องการที่จะขยายฐานการผลิตเพื่อการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ  

 

ดังนั้น เมืองซ่างเหราจึงเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ไทยควรพิจารณาสำรวจความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม solar cell โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวิสาหกิจจีนที่มีศักยภาพอย่าง บริษัท Jinko Solar Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านการผลิตแผง solar cell รายใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก และมีการส่งออกไปยังประเทศไทยอยู่เดิมแล้ว โดยในปี 2563 บริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดในไทยสูงถึงร้อยละ 38.4 

 

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทชั้นนำอย่างบริษัท LONGI Solar กำลังบุกตลาดในไทย และตั้งเป้าหมายการส่งออกผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้ากว่า 1.5 กิกะวัตต์ (GW) ภายในปี 2566 ทั้งนี้ ในปี 2564 บริษัทฯ มีการผลิตโมดูลที่ใช้เวเฟอร์ขนาด 182 มม. ซึ่งมีการส่งออกมายังประเทศไทย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 31 ของมูลค่าการนำเข้าเวเฟอร์ในไทย จึงถือเป็นโอกาสและความท้าทายของทางภาครัฐและผู้ประกอบการไทยในการเร่งส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของระบบ solar cell กับผู้ประกอบการจากต่างประเทศ เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุตสาหกรรมการผลิต solar cell ของไทยให้เท่าทันกับต่างประเทศ และเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้พลังงานภายในประเทศ เช่น กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม  ภาคการเกษตร และภาคครัวเรือนอย่างยั่งยืนด้วย (ข้อมูล: สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเซี่ยเหมิน)

 

ที่มา globthailand

วันที่ 15 ธันวาคม 2566