การส่งออกของจีนในปี 2023 ลดลงครั้งแรกในรอบ 7 ปี ขณะที่ฝั่งการนำเข้าก็ลดลงเช่นกัน ส่งผลให้จีนยังเกินดุล 823,000 ล้านดอลลาร์ 

 

วันที่ 12 มกราคม 2023 หน่วยงานศุลกากรประเทศจีนเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนสุดท้ายของปี 2023 และภาพรวมทั้งปี 2023 ของจีน ซึ่งข้อมูลปรากฏว่า ในปี 2023 มูลค่าการค้าโดยรวมของจีนทั้งปีของจีนมีมูลค่า 5.94 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 5% เมื่อเทียบกกับปีก่อนหน้า (YOY) 

 

จีนส่งออกสินค้าไปทั่วโลกเป็นมูลค่า 3.38 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 4.6% จากปีก่อนหน้า (YOY) ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 2.56 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 5.5% ส่งผลให้จีนเกินดุลการค้า 823,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 6.63% เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่เกินดุล 877,600 ล้านดอลลาร์ 

ตัวเลขดังกล่าวมีนัยทางสถิติว่า การส่งออกของจีนในปี 2023 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่ปี 2016 

 

ส่วนตัวเลขในเดือนธันวาคม 2023 การค้ารวมของจีนมีมูลค่ารวม 534,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการส่งออกมีมูลค่า 306,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.3% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 228,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่งผลให้จีนเกินดุลการค้าในเดือนธันวาคม 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ตามการรายงานของเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ (South China Morning Post) หวัง หลิงจุน (Wang Lingjun) รองหัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไปของหน่วยงานศุลกากรจีนกล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกในเดือนธันวาคมที่เป็นบวกนั้นได้รับแรงหนุนมาจากการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

 

แต่ขณะเดียวกันก็น่าจะเป็นผลส่วนหนึ่งจากฐานที่ต่ำของเดือนธันวาคม 2022 ซึ่งยอดการส่งออกลดลงเกือบ 10% โดยส่วนหนึ่งมีสาเหตุเนื่องมาจากผลกระทบของโควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วประเทศในขณะนั้น 

ส่วนการนำเข้าของจีนที่อ่อนแอนั้น บลูมเบิร์ก อีโคโนมิกส์ (Bloomberg Economics) เขียนวิเคราะห์ในรายงานก่อนที่ตัวเลขล่าสุดของจีนจะเผยแพร่ออกมาว่า การนำเข้าที่อ่อนแอของจีนจะเพิ่มความจำเป็นที่จีนต้องมีการสนับสนุนทางนโยบายเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ 

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันมีสัญญาณเริ่มต้นของการฟื้นตัวของการค้าโลก โดยการส่งออกของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 5.1% ในเดือนธันวาคม และยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกกลับมาเติบโตในเดือนพฤศจิกายน 2023 หลังจากที่หดตัวมานานกว่า 1 ปี

 

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

วันที่ 12 มกราคม 2567