ผ่า 12 เทรนด์การตลาดปี 67 รู้ก่อนรบ เพื่อชนะมากกว่าแพ้
หากสนามรบ "รู้เขา รู้เรา" ทำให้รบร้อยครั้ง ชนะได้ทั้งร้อย วกกลับมายังโลกการตลาด การคาดเดาอนาคต โดยเฉพาะ "เทรนด์" รอบด้าน จะทำให้นักการตลาด สามารถวางแผนกลยุทธ์ เพื่อเตรียมรับมือ และหาทางสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ สินค้าและบริการ กวาดยอดขายได้
กลุ่มบริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ หรือ MI GROUP เผยเทรนด์ที่น่าสนใจรับปี 2567 เพื่อให้รู้ไว้ไม่ตกขบวน และพร้อมทำการตลาดเจาะใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำ
โดย 12 เทรนด์ที่มาแรง มีดังนี้ :
1)การท่องเที่ยวยั่งยืน
การทำตลาดต้องมุ่งเน้นในเรื่องของการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นมากขึ้น เทรนด์ดังกล่าว ถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพราะในงานเอ็กซิบิชันด้านท่องเที่ยวในตลาดสำคัญของโลก เช่น World Travel Market (WTM) ประเทศอังกฤษ มีการหยิบประเด็นเที่ยวอย่างยั่งยืนมาบอกเล่า เพื่อให้ผู้ประกอบการเตรียมหาทางคว้าโอกาสใหม่ๆ
2)การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล การเพิ่มขึ้นและการพัฒนาของเทคโนโลยี และการมีส่วนร่วมของแพลตฟอร์มเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจอย่างมีนัยยะสำคัญ หลายหน่วยงานสำคัญในประเทศไทย ทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างยกให้ “เศรษฐกิจดิจิทัล” กลายเป็นเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ซึ่งผสานเทคโนโลยี มาช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของจีดีพีในอนาคตระยะยาว
3)ประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้น ปัจจุบันหลายประเทศกำลังเผชิญโครงสร้างประชากรที่อายุเฉลี่ยสูงขึ้นรวมถึงประเทศไทย ตัวแปรดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบและความต้องการใหม่ๆ หากสำรวจตลาดจะพบว่า หลายแบรนด์หันมาโฟกัสกลุ่มเป้าหมาย Silver Age หรือประชากรสูงวัย ชาวเกษียณสำราญ ที่นับวันมี “อำนาจซื้อสูงขึ้น”
4)การเปลี่ยนแปลงของสังคมเมืองทางดิจิทัล นำไปสู่การบูรณาการและการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับคนเมือง การบริการ และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่จะเอื้ออำนวยการเข้าถึง ความสะดวกสบายในชีวิตของผู้คน และสร้างการเปลี่ยนแปลง “ไลฟ์สไตล์” ของผู้บริโภค
5)งานฝีมือและช่างฝีมือในตลาดท้องถิ่น เมื่องานฝีมือ สินค้าทำมือ และงานจากช่างฝีมือในตลาดท้องถิ่นมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น เป็นอีกเทรนด์ที่ต้องติดตาม เพราะการเกิดของ “สินค้าทำมือ” จากพื้นถิ่น ย่อมมีโอกาส “เบียดชิง” ขุมทรัพย์ ยอดขายจากแบรนด์สินค้าต่างๆได้เช่นกัน อีกด้านสะท้อนผู้บริโภคให้การยอมรับสินค้า Local ไม่แค่ให้พื้นที่แบรนด์โลก(Global Brand)ครองใจเท่านั้น
6)เทคโนโลยีสื่อการสารในทางการแพทย์ ในการพัฒนาและนำมาใช้ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล และโทรคมนาคม ทำให้การบริการด้านสุขภาพสามารถทำได้จากระยะไกลมากขึ้น เป็น “โอกาส” สำหรับธุรกิจในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆทั่วไทย
7)เกษตรกรรมในเมืองและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ปัจบันเทรนด์การนำหลักปฏิบัติด้านการเกษตรมาปรับใช้ในพื้นที่เขตเมืองมีเพิ่มขึ้น และการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิต ความเป็นอยู่มุ่งไปสู่ความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง สินค้าและบริการต้องปรับตัวรับกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว เช่น สินค้าอาจเน้นความเป็นธรรมชาติหรือออร์แกนิก ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย
8)การเพิ่มขึ้นของนักเดินทางตามแหล่งท้องถิ่น แนวโน้มความต้องการของการเดินทางเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในท้องถิ่นมีเพิ่มขึ้นกว่าการเดินทางระหว่างประเทศ
9)การผสมผสานทางวัฒนธรรม เทรนด์การหลอมรวมและการผสมผสานของจุดเด่นต่างๆของแต่ละวัฒนธรรม เช่น ร้านอาหาร, ศิลปะ, และประเพณี เป็นอีกสิ่งที่แบรนด์สามารถนำมาวางกลยุทธ์ เป็นจุดขายเพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย
10)การให้ความสำคัญทางสุขภาพจิต นอกเทรนด์การรักสุขภาพมาแรง คนต้องการมีร่างกายแข็งแรง แต่ด้าน “สุขภาพจิต” ก็สำคัญอย่างยิ่งยวด ยุคนี้ผู้คนเกิดการรับรู้ถึงความสำคัญและปัญหาด้านสุขภาพจิต รวมไปถึงแนวทางการรักษาอย่างกว้างขวางขึ้น
11)สภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริด วิกฤติโควิด-19 ระบาด สร้างการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในโลกทั้งการใช้ชีวิต การทำงาน ฯ ซึ่งด้านการทำงานจะเห็นว่าเกิดแนวทางในการทำงานแบบผสมผสานหรือไฮบริดระหว่างการทำงานจากระยะไกลและทำงานในสถานที่ทำงาน เรียกว่า ทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องทำงานที่สำนักงานหรือออฟฟิศอีกต่อไป ซึ่งเป็นอีกมิติที่นักการตลาด สามารถปิ๊งไอเดีย ขบคิดกลยุทธ์ เพื่อตอบสนองกลุ่มดังกล่าวปิดท้ายเทรนด์ที่
12)การใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ในการสื่อสารทางการตลาด ยุคที่เทคโนโลยีรุดหน้าอย่างรวดเร็ว และการเกิดขึ้นของ AI และพัฒนาให้ชาญฉลาด สามารถทำงานประจำซ้ำๆเดิมหรือรูทีนแทนคนได้ ในโลกการตลาด AI จะทรงพลังมากขึ้น และสามารถต่อยอดในการเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารทางการตลาด
เนื่องจากธุรกิจมีหลากหลายหมวดหมู่ เทรนด์ไหนที่จับยามสามตาแล้วสอดคล้องกับแบรนด์ตนเอง เชื่อว่านักการตลาดสามารถประยุกต์เพื่อติดอาวุธเคลื่อนธุรกิจในปี 2567 ให้ประสบความสำเร็จได้ ไม่มากก็น้อย
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 21 มกราคม 2567