กระแสลุกฮือของเหล่าเกษตรกรยุโรปที่คล้าย "ไฟลามทุ่ง" ทั่วทั้งทวีป ได้ทำให้สหภาพยุโรป (EU) ตัดสินใจกลับลำแผนด้านสิ่งแวดล้อมตามข้อเรียกร้องจากเกษตรกร แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็ทำให้ภารกิจลดหายนะจากโลกร้อนอาจไปไม่ถึงเป้าหมาย

 

นับตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ. 2567 หลายประเทศทั่วยุโรปตั้งแต่ในโปรตุเกส โปแลนด์ เยอรมนี กรีซ เบลเยียม ฯลฯ เผชิญกับเหตุการณ์กลุ่มเกษตรกรลุกฮือประท้วงแผนต่อสู้กับภาวะโลกร้อนของสหภาพยุโรป (EU)

 

สถานการณ์ประท้วงนี้ตึงเครียดยิ่งขึ้นเมื่อเหล่าชาวไร่ขับรถแทรกเตอร์มุ่งหน้าสู่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ซึ่งเป็นดั่ง “เมืองหลวง” ของ EU เพราะสำนักงานใหญ่และการประชุมใด ๆ ของ EU ล้วนอยู่ที่เมืองนี้ อีกทั้งอาคารรัฐสภายุโรปยังเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบไข่แตกที่ถูกปาจากกลุ่มเกษตรกรผู้โกรธแค้น

 

เปิดต้นตอเพลิงประท้วงทั่วยุโรป :

 

ปมการลุกฮือเริ่มต้นจาก EU เสนอ “ร่างระเบียบสิ่งแวดล้อม” อันเข้มงวดต่อเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นการลดปริมาณใช้ยาฆ่าแมลงลงครึ่งหนึ่ง การทำเกษตรที่ต่อไปนี้ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม แต่ก็นำมาซึ่งต้นทุนสูงขึ้น

 

นี่ยังไม่นับรวมผลผลิตเกษตรที่ตกต่ำ และสินค้าต่างประเทศที่มีราคาต่ำกว่าเข้ามาตีตลาดด้วย

 

ยกตัวอย่าง ราคาเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์เกษตรที่เกษตรกรควรได้รับ กลับลดลงไป 9% ในไตรมาส 3 ของปี 2566 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สะท้อนถึงปัญหาราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ

 

ในมุมมองของรัฐสภายุโรป เหตุผลที่ต้องออกกฎอันเข้มงวดนี้ก็เพื่อบรรลุเป้าหมาย “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” หรือ ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่ชั้นบรรยากาศเท่ากับปริมาณคาร์บอนที่ถูกดูดซับกลับมาผ่านป่าหรือวิธีการอื่น ภายในปี 2593 และต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างน้อย 55% ภายในปี 2573 เมื่อเทียบกับระดับก๊าซในปี 2533

 

EU กลับลำระเบียบสิ่งแวดล้อม :

 

จากกรณีการประท้วงเดือดที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ดังที่กล่าวมา EU จึงตัดสินใจพับแผนการลดยาฆ่าแมลงลงครึ่งหนึ่ง และไม่รวมกลุ่มเกษตรกรรมเข้ามาอยู่ในไทม์ไลน์ด้านสิ่งแวดล้อมใหม่นี้ ที่วางเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกลง 90% ภายในปี 2583

เจนัสซ์ วอยเชคอฟสกี(Janusz Wojciechowski) กรรมาธิการด้านเกษตรกรรมของ EU กล่าวว่า 

 

“รู้สึกยินดีที่ EU ตัดสินใจถอยจากแผนใหม่นี้ เพราะตัวแผนยังไม่ได้ยุติธรรมอย่างสมบูรณ์แบบ จริงอยู่ที่พวกเราต้องลดการใช้ยาฆ่าแมลงลง แต่ควรเป็นไปในรูป “เพิ่มเงินอุดหนุนเกษตรกร” มากกว่า “การบังคับ” พวกเขา เพื่อจูงใจให้หันมาทำเกษตรสีเขียวมากขึ้น”

 

อีกเหตุผลประการหนึ่งที่ EU ยอมถอย เนื่องจากใกล้จะถึงฤดูกาลเลือกตั้งแล้ว สำหรับวาระปี 2567-2572 โดยเฉพาะการเลือกตั้งของรัฐสภายุโรป ในวันที่ 6-9 มิ.ย. 2567 ซึ่งสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของพลเมือง EU อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

 

อัลเบอร์โต อเลมันโน (Alberto Alemanno) ศาสตราจารย์ของ H.E.C. Paris Business School ซึ่งเป็นโรงเรียนธุรกิจชั้นนำของฝรั่งเศส แสดงความกังวลว่า อิทธิพลทางการเมืองจากการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น อาจทำให้แผนลดโลกร้อนหลุดจากเป้าหมายที่จำเป็นต้องไปถึง

 

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567