THANI รุกปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 67 ราว 1.8-2 หมื่นล้าน ผุดโปรดักส์สินเชื่อ SMEs
KEY POINTS
* THANI วางเป้ายอดปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 67 ไว้ที่ราว 1.8-2 หมื่นล้าน
* THANI คงพอร์ตปีนี้ไว้ที่ 5 หมื่นล้าน รักษาระดับ NPL ต่ำ 3%
นายวิรัตน์ ชินประพินพร ประธานกรรมการ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 คาดว่าจะทรงตัวใกล้เคียงเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน แม้ว่าจะมีอานิสงส์เชิงบวกอยู่บ้างจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ทำให้สามารถกระจายรายได้ไปให้ประชาชนในวงกว้างได้มากขึ้น และดึงเม็ดเงินต่างชาติเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยได้
แต่ด้วยภาวะดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวในระดับสูง รวมถึงภาวะหนี้ครัวเรือนภายในประเทศที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทยังคงต้องให้ความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่ (New Loan) โดยในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ไว้ที่ประมาณ 18,000-20,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยราว 1,500-16,00 ล้านบาทต่อเดือน
ทั้งนี้ หากว่าในช่วงปลายไตรมาส 2/2567 สถานการณ์ต่างๆ คลายตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะมีการพิจารณ์ปรับเพิ่มวงเงินและเร่งปล่อยสินเชื่อใหม่ในช่วงปลายปีเพิ่มเติม ขณะที่พอร์ตคงค้างในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายที่จะรักษาระดับไว้ที่ไม่น้อยกว่า 50,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับราว 53,000-54,000 ล้านบาท โดยยังคงความสามารถในการรักษาระดับหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เกิน 3% ซึ่งในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ทำได้ที่ระดับ 3.1-3.2%
พร้อมกันนี้ ในปี 2567 บริษัทวางแผนออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อกระจายความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์สินเชื่อเดิม โดยในปีนี้จะเน้นการขยายสินเชื่อแบบที่มีหลักประกัน เช่น อสังหาริมทรัพย์ และที่ดิน เพื่อรองรับสำหรับลูกค้าที่มีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายย่อย (SMEs) ที่ขาดสะภาพคล่อง เบื้องต้นได้มีการทดลองให้สินเชื่อไปบ้างแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปี
ในส่วนของยอดการยึดรถต่อเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ระดับราว 100 คัน ซึ่งอยู่ในระดับที่ทรงตัวต่อเนื่องจากช่วงปลายปีก่อน สำหรับตลาดรถมือสองที่ราคาปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา แต่มองว่าราคารถมือสองได้มาถึงจุดต่ำสุดแล้ว ต้องยอมรับว่าด้วยกำลังซื้อที่ชะลอตัวลงไปมากในปีก่อนทำให้เต้นท์รถก็ไม่สามารถขายรถออกไปได้ทำให้ราคาตลาดไม่กลับมาขึ้นได้ในระยะสั้น โดยในช่วงปลายปีก่อนบริษัทขาดทุนไปไม่น้อยจากการจำหน่ายรถมือสองในราคาที่ต่ำ และคาดว่าในไตรมาส 1/2567 จะไม่แย่ไปกว่านี้แล้ว
ด้วยความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่กดดันต่อธุรกิจ รวมไปถึงภาพรวมการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ทั้งในส่วนของการปล่อยสินเชื่อ รายได้ค่าธรรมเนียม และบริการ ทำให้บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการตั้งสำรองค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ควบคู่กับการดูแลจัดการปัญหาคุณภาพหนี้ในเชิงรุก พร้อมปรับตัวรับกฎเกณฑ์และมาตรการด้านอื่นๆ ของทางการต่อไปในปีนี้
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ
วันที่ 1 มีนาคม 2567