นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เครื่องมือที่จะใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักๆ เป็นภาคการท่องเที่ยว ที่เห็นจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ตัวเลขสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 21 กรกฎาคม 2567 อยู่ที่ 19.6 ล้านคน แม้การใช้จ่ายอาจยังไม่ได้สูงมากนักเทียบกับปีที่เศรษฐกิจดีช่วงก่อนเกิดโควิดปี 2562 โดยสิ่งที่รัฐบาลต้องทำเพื่ออุดช่องโหว่และดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น คือ ในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เคยเข้ามาเที่ยวไทยแล้ว ไม่ได้มาเป็นครั้งแรก จะมีความรู้จักประเทศไทยมากขึ้น และต้องการทำความรู้จักมากกว่าเดิม รัฐบาลจึงต้องพัฒนาและปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะให้มีความสะดวกมากขึ้นในการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลคือ การเที่ยวเมืองน่าเที่ยวหรือเมือง เพราะในภาวะปัจจุบันโอกาสที่จะเพิ่มกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้ามาแบบกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งเดินทางสะดวกเพราะมีบัสนำเที่ยว อาจจะยากมากกว่าเดิม เพราะนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางเข้ามาแบบด้วยตัวเอง (เอฟไอที) หรือหากเป็นกลุ่มทัวร์ก็จะมีขนาดเล็กลง มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น จึงต้องทำตลาดที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้

 

“การท่องเที่ยวเมืองรองยังเป็นตัวช่วยอีกหนึ่งตัว ที่หากสามารถเตรียมพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดความคล่องตัวในการเดินทางระหว่างจังหวัดเชื่อมต่อได้ทั้งเมืองหลักสู่เมืองรอง หรือเมืองรองกับเมืองรองด้วยกัน เพื่อเพิ่มโอกาสให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจที่ดีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินทาง หรือการเตรียมแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนอย่างโรงแรม มีให้ครบทั้งการท่องเที่ยวเวลากลางวันหรือการเที่ยวเวลากลางคืน เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอยู่พำนักนานมากที่สุด ต้องได้เที่ยวอย่างน้อยพัก 1 คืน เพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยเพิ่ม” นายวิศิษฐ์ กล่าว

 

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ในด้านความปลอดภัย รวมถึงการเป็นเจ้าบ้านที่ดี จะต้องทำเพิ่มอีก ปลูกฝังให้ผู้ประกอบการไม่เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะคนไทยหรือต่าง ทั้งในแง่ราคาขายและการบริการ โดยส่วนนี้รัฐบาลจะต้องมีความเข้มงวดมากขึ้นในการดูแล เพื่อปิดโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวไทย การบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ทำผิดต่างๆ จะต้องทำเพื่อเป็นแบบอย่างไม่ให้เกิดกรณีใหม่ที่ซ้ำรอยเดิมขึ้น ต้องติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดไม่ว่าจะเกิดเหตุใดขึ้นจะต้องแก้ปัญหาอย่างท่วงที ไม่ให้เกิดการกระจายตัวจนแก้ไขไม่ได้ หากเห็นปัญหาแค่เล็กน้อยก็ต้องเข้าไปแก้ไข เพื่อให้ปัญหาเล็กๆ หาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาใหญ่หรือปัญหาใหม่ที่จะตามมาด้วย

 

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ในส่วนของเครื่องยนต์ที่ยังคงมีสัดส่วนในการสร้างรายได้ขนาดใหญ่ต่อจีดีพีรวม คือภาคการส่งออก ประเมินว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ภาคการส่งออกมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สูสีกับภาคการท่องเที่ยว หลังจากในช่วงที่ผ่านมาดูชะลอตัวไป สะท้อนจากสัญญาณของบางประเทศที่กลับมาใช้นโยบายการลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศนั้นๆ ภาคธุรกิจกล้าลงทุนมากขึ้น ประชาชนเกิดการจับจ่ายใช้สอย มีการนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยรวมถึงประเทศต่างๆ เข้าไปเพิ่มเติม อีกเรื่องเป็นค่าระวางเรือ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาค่าระวางเรือขยับสูงขึ้นมาโดยตลอด ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการตัดสินใจนำเข้าสินค้าจากประเทศต่างๆ เพราะหลายสินค้าหากค่าระวังเรือสูงมากจะทำให้ราคาสินค้าต้องบวกราคาเพิ่ม จึงขายออกยาก เอกชนก็ต้องชะลอการนำเข้าเพราะนำเข้าแล้วไม่ขาดทุนก็ขายไม่ออก โดยหากทั้ง 2 ปัจจัยยังมีสัญญาณเชิงบวกแบบนี้ ภาคการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีจะปรับดีขึ้นได้

 

ที่มา มติชนออนไลน์

วันที่ 30 กรกฏาคม 2567