สถานการณ์เศรษฐกิจไทยยังไม่เห็นวี่แววว่าจะโงหัวขึ้นมาได้ แม้ว่ารัฐบาลพยายามเข็นนโยบายเรือธงอย่างดิจิทัลวอลเล็ตที่คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

 

เพียงแต่ยังไม่รู้ว่านโยบายนี้จะมีผลขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ไกลแค่ไหน ที่น่าห่วงกว่านั้น คือ ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ยังคงอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเติบโต กำลังซื้อของผู้คนตกต่ำอย่างหนัก ภาคธุรกิจหลายแห่งขาดสภาพคล่อง ถึงขนาดที่เอสเอ็มอีบางรายต้องหันไปพึ่งพาแหล่งทุนนอกระบบที่ต้นทุนมหาโหด แต่ดูเหมือนว่าเรากำลังโดนซ้ำเติมจากเศรษฐกิจโลกที่สถานการณ์ดูย่ำแย่ลงอย่างรวดเร็ว

 

ประเด็นที่ทุกคนควรต้องห่วง คือ ในจังหวะที่เศรษฐกิจไทยยังคงเพลี่ยงพล้ำจากปัญหาในประเทศ เราอาจโดนซ้ำเติมจากเศรษฐกิจโลกที่มีทิศทางเลวร้ายลง โดยเฉพาะจากประเทศเศรษฐกิจเบอร์หนึ่งและเบอร์สองของโลกอย่าง “สหรัฐ” และ “จีน” ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศนี้ สะท้อนการชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสหรัฐที่หลายคนเริ่มห่วงว่า อาจเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

 

ในฝั่งของสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาดค่อนข้างมาก ในขณะที่คำสั่งซื้อภาคโรงงานก็ดิ่งลงค่อนข้างหนัก สอดคล้องกับตัวเลขภาคการผลิตที่หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่4 แถมเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน เช่นเดียวกับคำขอรับสวัสดิการการว่างงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก

 

ด้วยเหตุนี้ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนักตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ 2 ส.ค.2567 ต่อเนื่องถึงคืนวันจันทร์ที่ 5 ส.ค.2567 จนมีเสียงบ่นจากตลาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ตัดสินใจลดดอกเบี้ยช้าไป หรือไม่ ทำให้ตลาดเริ่มมองว่าการประชุมครั้งหน้ามีความเป็นไปได้ที่ เฟด อาจลดดอกเบี้ยลงถึง 0.5%

 

ด้านเศรษฐกิจจีน เมื่อสัปดาห์ก่อนเพิ่งจะเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ปี 2567 ซึ่งขยายตัวเพียง 4.7% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ค่อนข้างมาก และยังชะลอตัวลงหนักเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวได้ถึง 5.3% ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตของเดือนก.ค.ก็ปรับตัวลดลงต่ำเนื่องเป็นเดือนที่ 3 สะท้อนความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีนที่อาจดูย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์เอาไว้

 

แน่นอนว่าถ้าเศรษฐกิจสหรัฐและจีนตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เศรษฐกิจไทยคงไม่รอดด้วยเช่นกัน เพราะไทยเป็นประเทศเศรษฐกิจเปิดพึ่งพาการส่งออก-นำเข้า แถมภาคการท่องเที่ยวยังมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมากด้วย เมื่อเศรษฐกิจโลกส่ออาการป่วย คงไม่มีใครมีกระจิตกระใจท่องเที่ยว ดังนั้นความหวังว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะมาปลุกพลังให้เศรษฐกิจไทยเติบโตดีในช่วงครึ่งปีหลัง อาจต้องเผื่อใจไว้บ้าง เราเห็นว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังยังดูหวาดเสียวเหลือเกิน!

 

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

วันที่ 7 สิงหาคม 2567