ส.เอสเอ็มอี เดินสายรับฟัง "วิกฤตธุรกิจ" ทั่วทิศ จี้รัฐเร่งแก้ไข 5 เรื่องร้อน
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาพันธ์อยู่ในช่วงสัญจรพบปะสมาคมและผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อมทั่วประเทศ เพื่อพบปะพูดคุย รับฟังปัญหาที่กำลังเผชิญ และข้อเสนอแนะ รวมถึงแนวทางที่ผู้ประกอบการอย่างให้ภาครัฐและนายกรัฐมนตรีอยากให้ผลักดันและขับเคลื่อนได้จริงในทางปฏิบัติ คาดว่าจะได้ข้อสรุปทุกภาคภายในเดือนสิงหาคมนี้ จากนั้นจัดทำเอกสารข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อส่งถึงภาครัฐให้เร็วที่สุด ไม่เกินเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนงานรัฐบาล ผ่านงบประมาณปี 2568
“ในการช่วงสัญจรทั่วประเทศ เมื่อเราได้เก็บข้อมูล ดูว่าผู้ประกอบการต้องการอะไรต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลก็กำลังดำเนินการ โดยที่ได้ลงพื้นที่จะคล้ายคลึงกัน ใน 5 เรื่องสำคัญ” นางแสงชัยระบุ
นายแสงชัยกล่าวว่า สำหรับ 5 เรื่องที่ผู้ประกอบต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการคือ เรื่องแรก ต้องการเร่งรัดให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เรื่องสอง ทุกคนเจอปัญหากำลังซื้อหดตัว สวนทางกับต้นทุนประกอบการสูงขึ้น เรื่องสาม การเข้าถึงสินเชื่อได้น้อย ทั้งๆ ที่รัฐมีการออกมาตรการซอฟต์โลนแสนล้าน และค้ำประกันสินเชื่อ 5 หมื่นล้าน แต่ยังเจอปัญหาเข้มงวดและยึดหลักการพิจารณาเหมือนเดิม
ซึ่งหากผู้ประกอบการไม่เจอปัญหารายได้ตก ใช้เงินกับค่าใช้จ่ายมากขึ้น อาจมีผลต่อการชำระเงินไม่ตรงเวลาหรือขาดส่งจนถูกขึ้นบัญชี แต่ยังเป็นผู้ประกอบการที่มีตั้งใจต่อการทำธุรกิจและมีอนาคตหลังเศรษฐกิจฟื้นตัวเต็มที่ แต่ในตอนนี้ขาดสภาพคล่องในการประคองธุรกิจ ที่ผ่านมาความเชื่อเหลือผ่านมาตรการการเงินของภาครัฐต่อเอสเอ็มอีมักไม่ตรงปก และมีการลักไก่ให้สิทธิกับลูกค้าเก่า ทั้งที่ไม่ได้เจอปัญหาขาดสภาพคล่องแต่อยู่ในเกณฑ์ของแบงก์ที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
“หากจะให้ได้ผลตรงปกควรแบ่งมาตรการซอฟต์โลนและช่วยค้ำประกันสินเชื่อออกมาเป็น 3 กลุ่ม เพื่อผู้ประกอบการที่เปราะบาง และเจอปัญหาขาดสภาพคล่องหนักได้เข้าถึงสินเชื่อแท้จริง และเมื่อครบวงเงินก็ให้แต่ละแบงก์ดัชนีชี้วัดผลงานที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่มีปัญหาจริงๆ เท่าไหร่กันแน่” นายแสงชัยกล่าว
นายแสงชัยกล่าววต่อา อีก 2 เรื่องที่ผู้ประกอบการตระหนึกมากขึ้น คือ เรื่องสี่ การยกระดับธุรกิจให้สอดคล้องกับกติกาโลกมุ่งเน้นไปธุรกิจแบบยั่งยืนและธุรกิจสีเขียวที่ส่งผ่านสินค้าและบริการ รวมถึงส่งเสริมการใช้เทคโนโลยียกระดับทักษะแรงงาน ส่วน เรื่องสุดท้าย คืออยากให้ยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคและล้าหลัง บางกฎหมายใช้มา 20-30 ปี ทั้งๆ ที่สถานการณ์โลกและไทยในวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ซึ่งทั้ง 5 เรื่อง สมาพันธ์จะหยิบยกขึ้นมาเป็นแนวทางและข้อเสนอในการขับเคลื่อน เพื่อให้หน่วยงานรัฐออกมาตรการหรือโครงการได้ตรงความต้องการและลดปัญหาของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้จริง
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 12 สิงหาคม 2567