การใช้ "Air Taxi" ในนครลอสแอนเจลิส
ปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยี Air Taxi เป็นประเด็นที่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในสหรัฐอเมริกา ให้ความสนใจเป็นอย่างมากและอยู่ระหว่างการพัฒนาอากาศยานกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนครลอสแอนเจลิส เป็นหนึ่งในกลุ่มเมืองแรก ๆ ของสหรัฐฯ ที่มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2565 โดยภาครัฐและภาคเอกชนของรัฐแคลิฟอร์เนียได้บูรณาการความร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง เพื่อบรรลุเป้าหมายในการให้บริการเทคโนโลยีดังกล่าวทันในช่วงของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2571 ที่นครลอสแอนเจลิสจะเป็นเจ้าภาพ
องค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Aviation Administration: FAA) ให้คํานิยามของ “การเคลื่อนที่ทางอากาศขั้นสูง” (Advanced Air Mobility: AAM) ไว้ว่า เป็นแนวคิดใหม่ของการขนส่งทางอากาศ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “แท็กซี่ลอยฟ้า” (Air Taxi) โดยใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าที่บินขึ้นและลงจอดได้ในแนวดิ่ง (Electric Vertical Takeoff and Landing : eVTOL) ทั้งนี้ การทํางานของเครื่องบินลักษณะนี้ส่วนมากจะ takeoff เหมือนเฮลิคอปเตอร์ จากนั้นเปลี่ยนเป็นโหมดเครื่องบินในระหว่างทําการบิน และกลับมาเป็นโหมดเฮลิคอปเตอร์เมื่อลงจอด นอกจากนี้ Air Taxi ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีเสียงเบาหรือแทบไม่มีเสียงเลยตลอดช่วงการบิน โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะนํามาให้บริการในการขนส่งสินค้าหรือผู้โดยสารและการกู้ภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัย
การพัฒนาเทคโนโลยี AirTaxi :
1)บริษัท Joby Aviation อยู่ระหว่างการพัฒนา Air Taxi รุ่น “H2FLY” เพื่อนํามาให้บริการเชิงพาณิชย์ ซึ่งขับเคลื่อนโดยพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าและเชื้อเพลิงไฮโดรเจน และมอเตอร์ไฟฟ้า 6 ตัว พร้อมใบพัดที่สามารถเอียงไปในทิศทางต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เครื่องบินสามารถขับเคลื่อนในพื้นที่แคบได้ และมีความเร็วสูงสุด 200 ไมล์/ชม. ทั้งนี้ เมื่อชาร์จไฟเต็มจะสามารถใช้งานได้ เป็นระยะทาง 100 ไมล์ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยปล่อยเพียงไอเสียออกมาเป็นน้ําเท่านั้น และส่งเสียงในอัตราที่ต่ํา เมื่อเทียบกับอากาศยนต์ทั่วไป
อีกทั้ง ปัจจุบันบริษัทได้รับการอนุมัติให้พัฒนาซอฟท์แวร์เพื่อสนับสนุนการใช้บริการ Air Taxi ของผู้โดยสาร และได้เสนอแผนการให้บริการ Air Taxi ณ สนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิส (LAX) แล้ว เพื่อขออนุญาตใช้สถานที่ร่วมกับสนามบินดังกล่าว โดยตั้งใจว่าจะต้องไม่กระทบการให้บริการทางอากาศแบบดั้งเดิม รวมทั้งอยู่ระหว่างหารือแผนการให้บริการกับสนามบินนานาชาติ John Wayne (SNA) ใน Orange County รวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่
โดยบริษัท Joby Aviation ได้ประกาศเส้นทางในนครนิวยอร์ก จากจุดจอดเฮลิคอปเตอร์กลางแมนฮัตตันไปยัง สนามบินนานาชาติ John F. Kennedy (JFK)
2)บริษัท Archer Aviation Taxi ก็กำลังพัฒนาเครื่องบินรุ่นใหม่ ได้แก่ รุ่น “Midnight” ซึ่งขับเคลื่อนโดยพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้า มีใบพัดทั้งหมด 12 ตัว (6 ตัว สําหรับการบังคับทิศทาง และ 6 ตัวสําหรับการเคลื่อนที่ในแนวดิ่ง) และมีความเร็วสูงสุด 150 ไมล์/ชม. ทั้งนี้ เมื่อชาร์จไฟเต็มสามารถใช้งานได้เป็นระยะทาง 60 ไมล์ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน โดยตั้งเป้าหมายว่าจะเริ่มให้บริการ Air Taxi ในนครลอสแอนเจลิสให้ได้เร็วที่สุด อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการประกาศกําหนดการ ให้บริการที่ชัดเจนในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ในเมืองซานฟรานซิสโก บริษัทได้ระบุพื้นที่การให้บริการแล้วทั้งหมด 5 จุดใน Bay Area โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการภายในปี 2568
โดยบริษัท Archer Aviation Taxi ยังได้ประกาศยันเส้นทางการให้บริการที่จะเปิดให้บริการ Air Taxi แล้ว ได้แก่
(1) นครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ จากสนามบินนานาชาติ Chicago O’Hare ไปยัง Vertiport ในเขตเมดิคัล (Medical District) ของรัฐอิลลินอยส์ และ
(2) เมืองนวร์ก (Newark) รัฐนิวเจอร์ซี จากสนามบินนานาชาติ Newark Liberty ไปยังเขตแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก
Air Taxi สามารถให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารได้ 4 ที่นั่ง (ไม่รวมนักบิน) โดยมีรูปแบบใกล้เคียงกับเฮลิคอปเตอร์ ในปัจจุบัน โดยบริษัททั้งสองแห่งข้างต้นจะเริ่มให้บริการจากเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างสนามบินและตัวเมืองใหญ่ ซึ่งมักมีปัญหาการจราจรติดขัด โดยทั้งสองบริษัทได้วางแผนที่จะกําหนดค่าบริการให้มีราคาใกล้เคียงกับผู้ให้บริการรถยนต์สาธารณะในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ผู้ใช้บริการ Air Taxi จะได้รับความรวดเร็วในการเดินทางมากกว่าการเดินทางแบบเดิมหลายเท่าตัว
ความท้าทายของการให้บริการ Air Taxi ในนครลอสแอนเจลิส
1)แนวคิดการให้บริการ Air Taxi ในนครลอสแอนเจลิสริเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2565 ภายใต้ความร่วมมือระหว่างองค์กร Urban Movement Labs (UML) กรมการขนส่ง (Los Angeles Department of Transportation: LADOT) กองผังเมือง และ สำนักงานนายกเทศมนตรีของนครลอสแอนเจลิส แต่ภายหลัง UML ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างขององค์กรฯ เมื่อเดือน พฤษภาคม 2567 โดยได้ผนวกรวมกับองค์กร Los Angeles Cleantech Incubator (LACI) ซึ่งต่อมา LACI ได้ลดระดับความสําคัญของโครงการข้างต้นลง รวมทั้งถอด UML ออกจากการพัฒนาโครงการดังกล่าว จึงส่งผลให้การพัฒนาโครงการล่าช้ากว่ากําหนดเดิม
2)โครงสร้างทางกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา ผลิต รวมถึงการให้บริการ Air Taxi ในสหรัฐฯ นั้นอยู่ภายใต้การกํากับดูแลของ FAA ซึ่งมีหน้าที่ในการกํากับดูแลและออกใบอนุญาตให้เครื่องบิน และนักบินมีมาตรฐานความปลอดภัยทางการบินระดับชาติ ทั้งนี้ รัฐแต่ละรัฐนั้นยังมีกฎระเบียบของตนเอง ซึ่งจะส่งผลให้ ลักษณะของโครงสร้างการบริหาร ใบอนุญาต และแผนการจัดการพื้นที่การนําเครื่องขึ้น-ลงจอดแตกต่างกันออกไปตามแต่ละพื้นที่ให้บริการ
ทั้งนี้ ล่าสุด LADOT ชี้แจงว่า หน่วยงานของตนมีความร่วมมือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและอยู่ระหว่างการวางแผนสําหรับเทคโนโลยีดังกล่าวแล้ว แต่คาดว่าจะใช้เวลาหลายปีในการไตร่ตรองประเด็นความท้าทายต่าง ๆ โดยเฉพาะ เรื่องความเสมอภาค (equity) การเข้าถึง (accessibility) การปล่อยมลพิษ (emissions) และเสียงรบกวน (noise)
(ข้อมูล : สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส เรียบเรียง : ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์)
ที่มา globthailand
วันที่ 13 สิงหาคม 2567