สำนักข่าวรอยเตอร์และบีบีซีรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ยืนยันการพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงสายพันธุ์ใหม่ Clade 1b รายแรกนอกทวีปแอฟริกาที่ประเทศสวีเดน ถือเป็นสัญญาณแรกของการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงนอกแอฟริกาที่กำลังมีการระบาดหนัก หลังดับเบิลยูเอชโอได้ประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับโลกไปเพียง 1 วันก่อน

 

ผู้ป่วยคนดังกล่าวติดเชื้อผีดาษลิงสายพันธุ์ สายพันธุ์แอฟริกากลาง Clade 1b ระหว่างอยู่ที่ทวีปแอฟริกา โดยผู้ป่วยคนดังกล่าวได้เข้ารับการรักษาที่กรุงสตอกโฮล์ม ดับเบิลยูเอชโอและทางการยุโรปกำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขของสวีเดนถึงวิธีจัดการที่ดีที่สุดถึงการพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง Clade 1b และเรียกร้องให้ประเทศอื่นๆ มีมาตรการที่รวดเร็วและโปร่งใสเหมือนกับสวีเดน เพราะมีความเป็นไปได้ที่จะพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงสายพันธุ์ดังกล่าวในทวีปยุโรปเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่วันหรือสัปดาห์ข้างหน้า

 

โรคฝีดาษลิง หรือ mpox สามารถติดจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย อาทิ เพศสัมพันธ์ การสัมผัสทางผิวหนัง หรือการพูดคุยและหายใจใกล้กับผู้ป่วย ขณะนี้จำนวนผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงกำลังเพิ่มขึ้นจากสายพันธุ์ Clade 1b ที่เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถแพร่ได้ง่ายขึ้น และร้ายแรงกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้าอย่าง Clade 1 หรือ Clade 2

 

ดร.ไบรอัน เฟอร์กูสัน รองศาสตราจารย์ภูมิคุ้มกันวิทยาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ กล่าวว่าการพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงที่ประเทศสวีเดนถือเป็นเรื่องน่ากังวลแต่ไม่น่าประหลาดใจ เพราะทวีปแอฟริกากำลังมีการแพร่ระบาดที่รุนแรงมาก และคาดว่าจะมีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นในยุโรป รวมถึงภูมิภาคอื่นๆ ของโลกเพราะยังไม่มีกลไกใดที่จะหยุดไม่ให้โรคแพร่ระบาดไปยังประเทศต่างๆ ด้านทางการจีนได้ประกาศว่าจะเฝ้าระวังผู้คนและสิ่งของที่เข้ามาในประเทศเพื่อป้องกันโรคฝีดาษลิงเป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยผู้ที่มาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงที่สัมผัสกับผู้ป่วยหรือมีอาการควรแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร และรถยนต์ ตู้คอนเทนเนอร์ และสินค้าที่มาจากพื้นที่แพร่ระบาดควรได้รับการฆ่าเชื้อมาก่อนหน้า

 

อย่างไรก็ดี แม้จะมีวัคซีนสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงหรือผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด แต่ผู้เชี่ยวชาญกังวลว่าวัคซีนอาจไม่เพียงพอหรือไม่มีงบประมาณที่จะจัดหาวัคซีนให้แก่ผู้ที่ต้องการวัคซีนมากที่สุด แต่อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade 1b ในสวีเดนอาจไม่สูงเท่ากับในแอฟริกา เพราะยุโรปมีระบบสาธารณสุขที่ดีกว่าแอฟริกา

 

ที่มา มติชนออนไลน์

วันที่ 16 สิงหาคม 2567