จุดพลุ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เครื่องยนต์ใหม่ กระตุ้นเศรษฐกิจ
นับเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่ได้รับความสนใจไม่น้อย สำหรับโครงการ "เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์" พลันที่ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี เชียร์รัฐบาลให้เดินหน้า พร้อมเปิดสูตรโมเดลพัฒนา ประกอบด้วยสวนสนุกของเด็ก คอนเสิร์ตฮอลล์ สนามกีฬา ส่วนพื้นที่ที่เป็นกาสิโนจริงๆ มีไม่ถึง 10% ของพื้นที่ทั้งหมด ขณะเดียวกันยังเปิดมูลค่าการลงทุนว่าถ้าในกรุงเทพฯต้องระดับแสนล้านบาท และต่างจังหวัด 5 หมื่นล้านบาท
ขณะที่รัฐบาลได้เดินหน้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 รับทราบรายงานผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
ล่าสุดกระทรวงการคลังกำลังทำประชาพิจารณ์ร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ พร้อมการจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อกำหนดนโยบายและกำกับดูแลการดำเนินงาน รวมถึงจัดตั้งสำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อทำหน้าที่ในการกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมาย
พลิกดูรายละเอียด ในส่วนของผู้ประกอบการที่จะมารับสัมปทานและลงทุนเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั้น กำหนดต้องเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท รวมถึงได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการนโยบายฯ โดยใบอนุญาตมีอายุ 30 ปี และต่ออายุได้อีกคราวละไม่เกิน 10 ปี
ขณะที่ประเภทธุรกิจของสถานบันเทิงครบวงจรที่แนบท้ายไว้ ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้าครบวงจร โรงแรมระดับ 5 ดาว ร้านอาหารและบาร์ ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการขนาดใหญ่ ศูนย์สุขภาพครบวงจร สนามกีฬา ยอชต์และครูซซิ่งคลับ สถานที่เล่นเกม สระว่ายน้ำและสวนน้ำ สวนสนุก พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้าโอท็อป และกิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
ส่วนพื้นที่ดำเนินการ ยังไม่กำหนดชัดเจน ระบุแค่พื้นที่ที่เหมาะสมในการสร้างสถานบันเทิงแบบครบวงจร เป็นพื้นที่ที่อยู่ในรัศมีไม่เกิน 100 กม.จากสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ใกล้เคียงใน 17 จังหวัดของภาคกลางและภาคตะวันออก รวมถึงพื้นที่ของจังหวัดที่เป็นท่องเที่ยวหลัก 22 จังหวัด แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าน่าจะมี 5 แห่งที่เป็นพื้นที่เป้าหมาย ได้แก่ ท่าเรือคลองเตย บางกะเจ้า พื้นที่อีอีซี เชียงใหม่ และภูเก็ต
ในช่วงที่รัฐบาลกำลังเร่งสปีดผลักดันโครงการให้เป็นรูปธรรมนั้น มีข่าวใหญ่กลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ หลังราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือสนามม้านางเลิ้ง ประกาศร่วมกับบริษัท รอยัล สปอร์ต คอมเพล็กซ์ จำกัด หรือ RSC และพันธมิตรต่างชาติ จะปักธงโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ในพื้นที่กรุงเทพฯ ก่อนที่รัฐบาลจะประกาศออกมา
“อริย์ธัช รัตนศุทธพบูลย์” รองประธานกรรมการอำนวยการและนายสนามราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย และผู้บริหารบริษัท รอยัล สปอร์ต คอมเพล็กซ์ จำกัด กล่าวว่า ทางราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ จะร่วมบริษัท รอยัล สปอร์ต คอมเพล็กซ์ จำกัด หรือ RSC และ 4 พันธมิตรต่างชาติ อาทิ เกาหลี อเมริกา และจีน เพื่อลงทุนโครงการ The Royal Siam Haven สถานบันเทิงครบวงจร ประกอบด้วย สนามม้า คลับเฮาส์ สนามกอล์ฟ ยอชต์คลับ โรงแรมระดับ 6 ดาว สปอร์ตคอมเพล็กซ์ ภัตตาคารหรู โรงละคร โรงพยาบาล เวลเนส ศูนย์การเรียนรู้และกาสิโนถูกกฎหมายในอนาคต มูลค่าโครงการกว่า 2 แสนล้านบาท
ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดหาทำเล เล็งไว้ 3 แห่ง ในกรุงเทพฯ ได้แก่ หนองจอกกว่า 1,000 ไร่ ลาดกระบัง 2,000 ไร่ ทั้ง 2 สองแห่งจะเป็นการซื้อที่ดิน อีกแห่งเป็นพื้นที่ท่าเรือคลองเตย 2,300 ไร่ เป็นการเช่า โดยสนใจท่าเรือคลองเตยเป็นลำดับแรก เพราะมีศักยภาพ ติดแม่น้ำ อยู่ใจกลางเมือง ใกล้สนามบิน ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนได้ เนื่องจากโครงการนี้ใช้เงินลงทุนสูงต้องพึ่งพาเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ โดยโครงการจะใช้เวลาดำเนินการ 7 ปี ในปีแรกเป็นเรื่องการกำหนดพื้นที่ ออกแบบรายละเอียดโครงการ รวมถึงการขออนุญาตตามขั้นตอนของกฎหมาย เช่น รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และการขอใบอนุญาตก่อสร้าง เป็นต้น คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างปลายปี 2568
“เรายืนยันว่าลงทุนแน่นอน ตอนนี้โครงการอยู่ขั้นตอนดำเนินการ กำหนดพื้นที่ ออกแบบ จะสรุปใน 90 วันนี้ แบ่งเป็น 3 เฟส เฟสแรกเป็นสนามม้า คลับเฮาส์ เนื้อที่ 1,250 ไร่ เฟส 2 เป็นโรงแรม เวลเนส สนามกอล์ฟ เฟส 3 เป็นสถานบันเทิงครบวงจรถูกกฎหมายตามที่รัฐบาลมีนโยบายจะดำเนินการ” อริย์ธัชกล่าวย้ำ
เป็นรายแรกที่เปิดหน้าว่าพร้อมลงทุนโครงการ ส่วนจะสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้จริงมากน้อยแค่ไหน เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์
อิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า เห็นด้วยกับโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่รัฐบาลจะเดินหน้า เพราะนำธุรกิจใต้ดินมาอยู่บนดิน ซึ่งหากทำได้สำเร็จจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เนื่องจากโครงการมีหลายกิจกรรม ไม่ใช่แค่กาสิโนถูกกฎหมายอย่างเดียว และโครงการมีทั้งผลดีและผลเสีย หากมองในแง่เศรษฐกิจจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาและเก็บรายได้เข้ารัฐได้มากขึ้น แต่ในแง่สังคมรัฐก็ต้องมีกฎหมายมากำหนดให้ชัดเจน ซึ่งโครงการในรูปแบบนี้ที่ต่างประเทศก็มีการพัฒนาหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ เป็นต้น
“พื้นที่จะนำมาพัฒนา ต้องเป็นที่ดินขนาดใหญ่ 1,000 ไร่ขึ้นไป เพราะในโครงการมีหลายโครงการอยู่ในนั้น เช่น ศูนย์การค้า โรงแรม และหากเป็นที่ดินของหน่วยงานรัฐจะทำให้ง่ายต่อการนำมาพัฒนา ในรูปแบบของการเช่า เพราะหากเป็นที่ดินเอกชนต้องใช้เวลาในการรวบรวมโฉนด ที่สำคัญต้องเป็นที่ดินอยู่ในทำเลที่สามารถเดินทางสะดวกทั้งทางถนนและทางเรือ รวมถึงใกล้สนามบิน ซึ่งพื้นที่ท่าเรือคลองเตยก็ถือว่าเป็นพื้นที่มีความเหมาะสม และรัฐบาลมีนโยบายจะย้ายท่าเรือออกไปอยู่แล้ว เพราะสภาพพื้นที่ของเมืองได้เปลี่ยนไปแล้วด้วย ส่วนต่างจังหวัดต้องเป็นเมืองท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต” อิสระกล่าว
ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า เห็นด้วยที่รัฐจะมีโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และอยากให้มีโครงการมาลงที่พัทยาด้วย จะช่วยได้ทั้งท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่
สอดคล้องกับ วัฒนพล ผลชีวิน นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี กล่าวว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นนโยบายที่ดีหากมองแง่เศรษฐกิจ เพราะรัฐเก็บภาษีได้มากขึ้น ยังกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่นั้นๆ ทั้งการท่องเที่ยว การจ้างงาน ทำให้คนมีรายได้ และทำให้ที่อยู่อาศัยได้อานิสงส์ไปด้วย ซึ่งเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 1 แห่ง จะมีการจ้างงาน 20,000 ตำแหน่ง แต่ก็ต้องมองผลกระทบต่อสังคมควบคู่ไปด้วย
เป็นมุมสะท้อนที่ออกมาในเวลานี้ ส่วนจะเกิดขึ้นได้จริงมากน้อยขนาดไหน คงต้องติดตามกันอีกยาว
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 29 สิงหาคม 2567