หอการค้าไทย คาดน้ำท่วมทำเศรษฐกิจภาคเหนือเสียหาย 4-6 พันล้านบาท
หอการค้าไทย ประเมินความเสียหายน้ำท่วมภาคเหนือ 4,000 – 6,000 ล้านบาท หรือ 0.02 – 0.03% ของ GDP ชงตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำรับมือน้ำท่วม พร้อมจับมือบริษัทรายใหญ่ของประเทศ จัดแคมเปญลดราคาสินค้าอุปโภค บริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้าเฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง ช่วยประชาชน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในภาคเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา สุโขทัย ลำปาง เพชรบูรณ์ แพร่ น่าน พิษณุโลก และนครสวรรค์ ว่า หอการค้าไทยและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินมูลค่าความเสียหายกรณีสถานการณ์น้ำท่วมในเขตพื้นที่ภาคเหนือ เบื้องต้นประเมินความเสียหายประมาณ 4,000 – 6,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.02 – 0.03% ของ GDP ซึ่งยังคงต้องติดตามและประเมินผลกระทบอีกครั้ง เนื่องจากหลายจังหวัดยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดน้ำท่วมเพิ่มเติม
ทั้งนี้จากการประเมินพบว่า ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด รองลงมาเป็นภาคบริการ และภาคอุตสาหกรรม โดยในระยะสั้นหอการค้าฯ เสนอให้รัฐบาลจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยโดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อให้การสั่งการและมอบหมายนโยบายข้ามกระทรวงเกิดการบูรณาการการทำงานอย่างคล่องตัว และจะต้องเตรียมแผนรับมือมวลน้ำที่จะไหลลงมาสู่ภาคกลางและกรุงเทพฯ ตลอดจนปริมาณฝนที่คาดว่าจะมีการตกหลังเขื่อนในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคม ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมเพิ่มเติมได้
"หากรัฐบาลมีแผนเชิงป้องกันไว้ล่วงหน้าที่ชัดเจนก็จะช่วยลดผลกระทบและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนและเศรษฐกิจได้มาก"นายสนั่นกล่าว
ในส่วนของภาคเอกชนหอการค้าไทยโดยมูลนิธิพาณิชย์สงเคราะห์ได้เปิดรับบริจาคเงินช่วยเหลือผ่านเครือข่ายเอกชนทั่วประเทศ พร้อมทั้งส่งมอบเงินผ่านหอการค้าจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเพื่อจัดหาสิ่งของที่จำเป็นและระดมอาสาสมัครภาคเอกชนลงพื้นที่แจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่
รวมไปถึงเครือข่ายเอกชนต่าง ๆ ที่ได้จัดคาราวานลงพื้นที่แจกถุงยังชีพ ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือสถานการณ์หลังระดับน้ำลดลงและเข้าสู่ภาวะปกติ ภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องมีแนวทางการช่วยเหลือ ซ่อมแซม และฟื้นฟู ให้ประชาชนและภาคธุรกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะความเสียหายของสิ่งปลูกสร้าง ที่อยู่อาศัย และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลาปรับปรุงและซ่อมแซมอย่างเร่งด่วนเพื่อให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
นายสนั่น กล่าวว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ภายใต้การดำเนินงานของคณะกรรมการค้าปลีกและบริการ ได้ผนึกกำลังความร่วมมือกับผู้ประกอบการค้าปลีกและค้าส่ง (Modern Retail & Wholesale) ชั้นนำของประเทศ ระดมแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ผ่านการจัดแคมเปญลดราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง อาทิ ไทวัสดุ ให้การสนับสนุนการลดราคาสินค้าในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซม-ตกแต่งบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ร่วมรายการ
กลุ่มอุปโภคบริโภค อาทิ Tops ลดราคาสินค้าค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน กว่า 7,000 รายการ อาทิ ข้าวสาร ไข่ไก่ กระดาษทิชชู่ ยาสระผม แปรงสีฟัน ผ้าอนามัย สินค้า Own Brand และยังล็อคราคาสินค้าอีกกว่า 400 รายการ เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ยาวนานขึ้น
Big C ลดราคาสินค้าในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสด ของใช้ในครัวเรือนทุกรายการ และร่วมกับกระทรวงพาณิชย์จัดสินค้าลดราคา ออกหน่วยธงฟ้าบริการประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย, Makro ให้การสนับสนุนการลดราคาสินค้าในกลุ่ม ข้าวสาร น้ำดื่ม ขนมขบเคี้ยว อาหารแห้ง อาหารสด ผลิตภัณฑ์ซักล้าง ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล สินค้ากว่า 4,000 รายการ
Lotus’s ลดราคาสินค้าในกลุ่ม ข้าวสาร น้ำดื่ม อาหารแห้ง อาหารกระป๋องเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเขียน อาหารสัตว์เลี้ยง ของใช้ส่วนตัว ยารักษาโรค และของใช้จำเป็นอื่น ๆ สินค้ากว่า 5,000 รายการ นอกจากนี้ ยังได้ประสานกับเครือข่ายบริษัทชั้นนำเพื่อช่วยสนับสนุนส่วนลดพิเศษเพิ่มเติม อาทิ TOYOTA สำหรับซ่อมแซมยานพาหนะ, SCG สำหรับการซ่อมแซมและวัสดุก่อสร้าง, Siam Kubota มอบส่วนลดค่าแรง น้ำมันเครื่อง และอะไหล่ให้กับรถที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติโดยตรง ฯลฯ
สำหรับการช่วยเหลือด้านการเงิน ได้มีการหารือกับ SME D Bank และ EXIM Bank ออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงินสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นพิเศษ นอกจากนั้น หอการค้าฯ จะใช้ศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรฯ เป็นกลไกในการช่วยกระจายและระบายสินค้าเกษตรที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ โดยหลังจากนี้น่าจะมีความช่วยเหลือจากเครือข่ายของหอการค้าฯ เข้ามาเพิ่มเติมอีกจำนวนมาก
“หอการค้าฯ หวังว่าสิ่งเหล่านี้จะมีส่วนช่วยบรรเทาความเดือนร้อน และเป็นการส่งมอบกำลังใจจากความร่วมมือของเอกชนในส่วนต่าง ๆ ไปยังประชาชนและภาคธุรกิจในพื้นที่ให้สามารถกลับมาเดินหน้าได้อย่างรวดเร็วต่อไป” นายสนั่น กล่าว
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 29 สิงหาคม 2567