เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 หนังสือพิมพ์ The Straits Times ได้เผยแพร่ผลการศึกษาที่ The Straits Times ร่วมกับ Singapore Management University (SMU) ร่วมกันจัดทำขึ้นโดยได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและครอบครัว (Ministry of Social and Family Development: MSF) โดยทำการสํารวจกลุ่มตัวอย่างชาวสิงคโปร์ จำนวน 4,000 คน และผ่านการจัดหารือกลุ่มเล็ก (focus group discussion) ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 – กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งแบ่งสิ่งจําเป็นในชีวิตออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 

 

(1) เครื่องใช้ในครัวเรือน (Household appliances and furniture) (

2) เครื่องมือสื่อสาร (Digital connectivity and devices) และ 

(3) การมีส่วนร่วมในสังคม (Social participation) 

 

ผลการศึกษาดังกล่าว ได้แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่าสนใจเกี่ยวกับสิ่งที่ประชาชนมองว่าเป็น “สิ่งจําเป็น” ในการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า สมาร์ทโฟน วันหยุดระยะสั้น และเครื่องปรับอากาศ เป็นสิ่งจำเป็นลำดับต้น ๆ สำหรับชาวสิงคโปร์ โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้

 

1)สมาร์ทโฟน : ประตูสู่โลกดิจิทัลและเครื่องมือที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมือง :

 

 

ในยุคที่การเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์กลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิต สมาร์ทโฟนถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน สิ่งจําเป็นสูงสุดสำหรับชาวสิงคโปร์ เพราะนอกจากจะเป็นอุปกรณ์ในการติดต่อสื่อสารและเชื่อมต่อกับบุคคลอื่น ๆ ทั้งในและนอกประเทศได้แล้ว ยังมีความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลและบริการต่าง ๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา ทำให้สมาร์ทโฟนกลายเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องมือสำหรับการทำงาน การเรียนรู้ ความบันเทิง และการบริหารจัดการชีวิตประจำวัน โดยชาวสิงคโปร์ใช้สมาร์ทโฟนในการทำธุรกรรมทางการเงิน สั่งอาหาร จองรถโดยสาร หรือแม้แต่การจัดการเอกสารราชการต่าง ๆ โดยบริการของรัฐหลายอย่างในสิงคโปร์สามารถทำได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ 

 

2)วันหยุดระยะสั้น : การหลีกหนีจากชีวิตการงานที่เร่งรีบและเคร่งเครียด :

 

วันหยุดระยะสั้น เป็นหนึ่งในสิ่งจำเป็นสำหรับชาวสิงคโปร์ สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานกับชีวิตส่วนตัว ในสังคมที่มีการแข่งขันสูงและมีความเครียดจากการทำงานค่อนข้างมาก การได้หยุดพักในช่วงระยะสั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพกายและใจ โดยวันหยุดระยะสั้นอาจหมายถึงการเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้านในช่วงสุดสัปดาห์ หรือแม้แต่การพักผ่อนภายในประเทศเพียงไม่กี่วัน ซึ่งชาวสิงคโปร์มองว่าเป็นโอกาสในการฟื้นฟูพลังงาน ผ่อนคลายจากความเครียด และสร้างประสบการณ์/ความทรงจำอันดีกับครอบครัวและเพื่อนฝูง นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดโลกทัศน์และสัมผัสกับวัฒนธรรมที่แตกต่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวสิงคโปร์ให้คุณค่าเป็นอย่างมาก โดยวันหยุดยาวของสิงคโปร์ส่วนใหญ่จะเป็นการหยุด 3 วันติดกันเท่านั้น 

 

3)เครื่องปรับอากาศ : ความสบายที่จําเป็นท่ามกลางสภาพอากาศร้อนชื้นของสิงคโปร์ :

 

สิงคโปร์ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร มีสภาพอากาศร้อนชื้นตลอดทั้งปี ด้วยเหตุนี้ เครื่องปรับอากาศจึงไม่ใช่เพียงความสะดวกสบาย แต่คนสิงคโปร์มองว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน และในพื้นที่สาธารณะ โดยเครื่องปรับอากาศช่วยให้ชาวสิงคโปร์รู้สึกผ่อนคลาย สามารถทำงานและพักผ่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนจัด นอกจากนี้ ยังช่วยลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับความร้อน เช่น การเป็นลมแดด และการเกิดสภาวะร่างกายขาดน้ำ เป็นต้น

 

ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจของสิงคโปร์ 

จากข้างต้น การที่ชาวสิงคโปร์มองว่าสมาร์ทโฟน วันหยุดระยะสั้น และเครื่องปรับอากาศ เป็นสิ่งจำเป็นลำดับแรก ๆ ของชีวิต อาจส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนของสังคมและเศรษฐกิจ ได้แก่ 

 

(1) อุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น ความต้องการสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์เชื่อมต่อที่ทันสมัยทำให้ตลาดเทคโนโลยีในสิงคโปร์เติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทต่าง ๆ จึงแข่งขันกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค 

 

(2) อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เช่น การให้ความสำคัญกับวันหยุดระยะสั้น ส่งผลดีต่อธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ โรงแรม สายการบิน และบริษัททัวร์ต่างปรับกลยุทธ์เพื่อตอบสนองความต้องการนี้ 

 

(3) การใช้พลังงาน เช่น การใช้เครื่องปรับอากาศอย่างแพร่หลายส่งผลต่อการใช้พลังงานของประเทศ ทำให้รัฐบาลต้องมีนโยบายและมาตรการประหยัดพลังงานที่มีประสิทธิภาพ 

 

(4) นโยบายแรงงาน โดยการที่ประชาชนให้ความสำคัญกับวันหยุดและการพักผ่อน อาจนําไปสู่การปรับเปลี่ยนนโยบายด้านแรงงาน เช่น การส่งเสริมให้มีวันหยุดที่ยืดหยุ่นมากขึ้น หรือการสนับสนุนให้มีสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงานที่ดีขึ้น 

 

(5) การพัฒนาเมือง เช่น การออกแบบอาคารและพื้นที่สาธารณะในสิงคโปร์ต้องคำนึงถึงการติดตั้งระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการสร้างพื้นที่สีเขียวเพื่อลดความร้อนในเมือง 

 

ทั้งนี้ ผลการสํารวจดังกล่าว ยังสะท้อนค่านิยมของชาวสิงคโปร์ที่ต้องการชีวิตที่สะดวกสบายและผ่อนคลายมากขึ้น โดยเฉพาะการพักผ่อนหย่อนใจและท่องเที่ยวในประเทศต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวสิงคโปร์ให้ความสำคัญ เนื่องจากข้อจํากัดของประเทศที่แม้จะมีการพัฒนาในระดับสูงแต่ก็มีพื้นที่ขนาดเล็กและไม่ค่อยมีแหล่งดึงดูดทางธรรมชาติและศิลปะวัฒนธรรมมากนัก 

 

 

นอกจากนี้ ยังสอดรับกับสารวันชาติและ National Day Rally Speech ของนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ที่มีนัยของการให้ความหวังในการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและผ่อนคลายขึ้นของชาวสิงคโปร์ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการนิยามความหมายและคุณค่าของ “ความสำเร็จ” ในบริบทของแต่ละบุคคล 

 

อย่างไรก็ดี แม้ว่าสิ่งต่าง ๆ ข้างต้นจะถูกมองว่าเป็น “สิ่งจําเป็น” แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายบางประการ เช่น 

 

(1) การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป เช่น การใช้สมาร์ทโฟนอย่างหนักอาจนําไปสู่ปัญหาสุขภาพจิต การติดโซเชียลมีเดีย และการขาดปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล 

 

(2) ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้เครื่องปรับอากาศและการเดินทางท่องเที่ยวบ่อยครั้งส่งผลต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้ทรัพยากรมากขึ้น 

 

(3) ความเหลื่อมล้ำทางสังคม เนื่องจากยังมีบางส่วนที่ไม่สามารถเข้าถึง “สิ่งจําเป็น” ดังกล่าวได้ ซึ่งอาจนําไปสู่ความรู้สึกแปลกแยกในสังคม

 

(ข้อมูล: สถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ เรียบเรียงโดย: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์)

 

ที่มา globthailand

วันที่ 6 กันยายน 2567