ปั้น SMEs สู่นักการค้าออนไลน์ คว้าโอกาสตลาดอี-คอมเมิร์ซ ปี68 บูม 7.5 แสนล้าน
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปั้นเอสเอ็มอีสู่นักการค้าออนไลน์มืออาชีพ รับเทรนด์โลก คว้าโอกาสบุกตลาดอี-คอมเมิร์ซบูม ปี 2568 ทะลุ 7.5 แสนล้านบาท
วันที่ 12 กันยายน 2567 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดอี-คอมเมิร์ซของไทยมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วจาก 6.34 แสนล้านบาท ในปี 2566 เป็น 6.94 แสนล้านบาท ในปี 2567 เติบโตเฉลี่ยปีละ 6% และคาดว่าปี 2568 จะเติบโตถึง 7.5 แสนล้านบาท ซึ่งการเติบโตที่เกิดขึ้นเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการที่ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ซึ่งช่วยให้มีโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น เพิ่มยอดขายได้เร็ว และสร้างการเติบโตแก่ธุรกิจได้ง่ายขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการที่ยังไม่สามารถปรับตัวได้ทันอาจเสียโอกาสและเผชิญกับความยากลำบากในการแข่งขันมากขึ้นเช่นกัน
กรมเห็นถึงความท้าทายที่ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงได้จัดกิจกรรมเสริมทักษะ เพิ่มเติมองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจ และพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ภายใต้กิจกรรม “สร้างนักการค้าออนไลน์มืออาชีพ Smart Trader Online” ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มุ่งพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้มีความรู้ด้านการค้าออนไลน์และก้าวสู่การเป็นนักขายออนไลน์มืออาชีพ
โดยกรมได้จัดกิจกรรมดังกล่าวต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แล้ว ปี 2567 นี้ จะเน้นที่การพัฒนาทักษะการใช้เครื่องมือการตลาดยุคใหม่ เช่น การตลาดแบบพันธมิตร หรือ Affiliate Marketing ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในขณะนี้ เนื่องจากเป็นการตลาดที่ได้ประโยชน์ทั้งผู้ขายที่ช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องลงทุนสูง และยังช่วยให้ผู้ประกอบการ/ประชาชนทั่วไปที่ไม่มีเงินทุน ไม่มีสินค้า แต่ต้องการหารายได้จากการขายออนไลน์สามารถนำสินค้าจากผู้ประกอบการมาขายและสร้างรายได้ที่มั่นคง
กิจกรรมสร้างนักการค้าออนไลน์มืออาชีพ Smart Trader Online ใครๆ ก็ขายได้ ปี 2567 เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 โดยมีการจัดอบรมทั้งสิ้น 3 ครั้ง มีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 1,000 ราย ประกอบด้วยประชาชนทั่วไป เจ้าของร้านค้า ผู้ผลิตสินค้า และคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ ซึ่งหลังจากการอบรมครบทั้ง 3 ครั้ง กรมได้คัดเลือกผู้เข้าอบรม จำนวน 30 ราย ผ่านเข้ารอบสุดท้ายเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจและคัดเลือกสินค้าชุมชนที่มีศักยภาพมาไลฟ์ขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์จริง
พร้อมเฟ้นหาสุดยอดนักขายออนไลน์มืออาชีพที่มีทักษะการขายที่โดดเด่น สร้างสรรค์ มีการนำเสนอที่ดึงดูดใจ น่าติดตาม มียอดผู้ชมไลฟ์และสร้างยอดขายได้สูงสุด เข้ารับรางวัล โดยผู้ชนะเลิศและได้รับรางวัล “สุดยอดนักการค้าออนไลน์มืออาชีพ Smart Trader Online ใครๆ ก็ขายได้” ปี 2567 คือ นางสาวบุริญ ใจสิงห์ หรือโฟมม่อน
นอกจากกิจกรรมสร้างนักขายออนไลน์มืออาชีพแล้ว กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังได้ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรด้านอี-คอมเมิร์ซชั้นนำมากมาย อย่างเช่น Tiktok Shop, Shopee , Lazada, และ NocNoc จัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้านอี-คอมเมิร์ซให้แก่ผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง
ทั้งการเสริมสร้างความรู้และพัฒนาทักษะ การใช้เครื่องมือทางการตลาดออนไลน์ การบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อเอื้อให้ผู้ประกอบการใช้ช่องทางออนไลน์สร้างยอดขายและสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว”
ด้านนางสาวบุริญ ใจสิงห์ กล่าวว่า เหตุผลที่สนใจเข้าร่วมโครงการนี้เพราะมีความรักในงานขายและมีความสามารถด้านการสื่อสาร เพราะมีอาชีพเป็นพิธีกรและวิทยากร พอเห็นการเติบโตของธุรกิจออนไลน์ และคนรอบข้างทำธุรกิจออนไลน์แล้วประสบความสำเร็จ
โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม TikTok จึงเกิดความสนใจ อยากลองใช้ทักษะความสามารถของตนเองสร้างอาชีพออนไลน์ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการหารายได้ โดยตั้งเป้าหมายว่า “อยากเป็นนักขายออนไลน์ที่สามารถขายได้ทุกอย่าง” จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการนี้
ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งเข้าใจว่าโครงการนี้กําลังเฟ้นหานักขายที่จะไปช่วยผู้ประกอบการชุมชนที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้การส่งเสริมสนับสนุนอยู่ ซึ่งผู้ประกอบหลายรายอาจมีสินค้าที่ดี แต่ยังไม่มีทุนไปจ้างอินฟลูเอนเซอร์มาช่วยโปรโมตสินค้า จึงคิดว่าถ้าเราสามารถใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการเป็นนักขายมืออาชีพของเราไปช่วยสร้างประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการชุมชนได้บ้างก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก
นอกจากนี้ นางสาวบุริญยังได้แนะเคล็ดลับสำหรับนักขายออนไลน์มือใหม่ว่า ควรทำสิ่งที่เรารู้สึกสบายใจเป็นตัวของตัวเอง มีความสุข และควรเริ่มต้นจากสินค้าที่เราชื่นชอบและเชื่อมั่นในคุณภาพ เพราะหากเราอินกับสินค้านั้นจริง ๆ เราจะสามารถถ่ายทอดความรู้สึกนั้นไปยังลูกค้าได้อย่างจริงใจและเป็นธรรมชาติ เมื่อเราสื่อสารด้วยความจริงใจ ลูกค้าจะรับรู้ถึงความจริงใจของเราได้
และที่สำคัญอยากให้นักขายทุกคนควรมีหัวใจของการเป็น ‘ผู้ให้’ ด้วย ไม่ใช่มุ่งแต่จะขายของอย่างเดียว แต่ต้องขายสินค้าดี มีคุณภาพ ที่ผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์ ได้รับความคุ้มค่าจากสินค้าจริง ๆ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาเกิดความเชื่อถือ ไว้วางใจ และกลับมาซื้อสินค้าเราอย่างต่อเนื่อง
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 12 กันยายน 2567