วิกฤตน้ำท่วมภาคเหนือฉุดท่องเที่ยววูบ 2 พันล้าน เพิ่มความเสียหายทางศก. แตะ 1 หมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 12 กันยายน นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ปัญหาวิกฤตน้ำท่วมในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ อาจส่งผลต่อการท่องเที่ยว เพราะต้องอาศัยเวลาในการฟื้นฟูสถานประกอบการและแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงแม้บางแห่งปริมาณน้ำลดลงแล้ว แต่ยังเที่ยวไม่ได้ เพราะมีความเสี่ยงในเรื่องความไม่ปลอดภัยอยู่ จึงต้องประเมินผลกระทบต่อการท่องเที่ยวจากนี้เพิ่มเติม โดยเบื้องต้น
หอการค้าไทยประเมินความเสียหาย อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ในกรอบ 5-7 วัน ซึ่งเชื่อว่าจากนั้นสถานการณ์จะดีขึ้น แต่มองว่ายังไม่กระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม เพราะหากมีการแจกเงิน 10,000 บาท ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจได้ จะสามารถชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์น้ำท่วมได้
“ความเสียหายที่เกิดจากปัญหาน้ำท่วมส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยวในจังหวัดชะลอ จึงมีการรวมผลกระทบจากการเสียโอกาสในการท่องเที่ยวเข้าไปแล้ว เป็นความเสียหายที่ 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 6,000-8,000 ล้านบาท หรือเพิ่มความเสียหายของท่องเที่ยวขึ้นมาอีก 2,000 ล้านบาท จากภาพความรุนแรงในแม่สาย ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจ มีการจับจ่ายใช้สอยคล่องตัว มีการจัดเก็บสต๊อกสินค้าไว้ขาย และมีการข้ามมาซื้อสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เมียนมา และเชียงราย ที่พอเกิดน้ำท่วม คนก็ไม่ไปเที่ยวเชียงราย ชะลอการท่องเที่ยวลดลง” นายธนวรรธน์กล่าว
นายธนวรรธน์กล่าวว่า ขณะนี้ยังประเมินว่าน้ำท่วมไม่ควรส่งผลกระทบหนักหนาสาหัส เพราะข้อมูลปริมาณน้ำท่วมไม่ได้มากกว่าปีก่อนๆ ที่ผ่านมา สถานการณ์การกักเก็บน้ำ และความจุของน้ำยังทำได้ดีอยู่ ส่วนการระบายน้ำน่าจะมีการเตรียมการได้ โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นชัดเจน คือ พื้นที่ทางภาคการเกษตร สถานที่ราชการ รวมไปถึงทรัพย์สินของภาคประชาชน ส่วนความเสียหายในด้านอื่นๆ ยังไม่ได้ประเมินรวมไว้ รวมถึงน้ำท่วมใหม่ที่อยู่ในวงจำกัด และระยะเวลาในการท่วมขังไม่เท่าปี 2554 เพราะภาพตอนนั้นมีน้ำท่วมขังกว่า 1 เดือน แต่ขณะนี้คาดว่ายังไม่เท่าตอนนั้น
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 12 กันยายน 2567