เตือน 45 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำหลาก แม่น้ำโขงเพิ่มสูง 13-18 ก.ย.
ปภ. แจ้งเตือน 45 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คลื่นลมแรง ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูง ช่วงวันที่ 13-18 ก.ย.นี้
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 45 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง คลื่นลมแรง และระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้น ในช่วงวันที่ 13 - 18 กันยายน 2567
นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (อธิบดี ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 1 (182/2567) ลงวันที่ 12 กันยายน 2567 เวลา 05.00 น. แจ้งว่า ในช่วงวันที่ 13 - 17 กันยายน 2567 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตอนกลาง
ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนบน ประเทศไทย และอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้มีฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น
โดยในช่วงวันที่ 14 - 17 กันยายน 2567 ทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
นอกจากนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้มีประกาศฉบับที่ 14/2567 ลงวันที่ 12 กันยายน 2567 แจ้งว่า ได้ติดตามสถานการณ์แม่น้ำโขง พบว่ามีปริมาณฝนตกหนักสะสมในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทำให้ในช่วงวันที่ 12 - 16 กันยายน 2567 ระดับน้ำแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีพื้นที่แจ้งเตือนสถานการณ์ระหว่างวันที่ 13 - 18 กันยายน 2567 แยกเป็น
พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง
ภาคเหนือ 11 จังหวัด ได้แก่
* แม่ฮ่องสอน (อ.เมืองฯ อ.ปางมะผ้า อ.ปาย อ.สบเมย)
* เชียงใหม่ (อ.จอมทอง อ.ฮอด)
* เชียงราย (อ.แม่สาย อ.เชียงแสน อ.แม่จัน อ.แม่ฟ้าหลวง)
* พะเยา (อ.ปง อ.เชียงคำ อ.จุน อ.ภูกามยาว)
* น่าน (อ.ทุ่งช้าง อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.ปัว อ.บ่อเกลือ อ.เชียงกลาง)
* ตาก (อ.ท่าสองยาง อ.แม่สอด อ.พบพระ อ.อุ้มผาง)
* กำแพงเพชร (อ.ปางศิลาทอง อ.คลองลาน อ.โกสัมพีนคร อ.พรานกระต่าย)
* พิษณุโลก (อ.ชาติตระการ อ.นครไทย อ.วัดโบสถ์ อ.วังทอง อ.เนินมะปราง)
* พิจิตร (อ.โพธิ์ประทับช้าง)
* เพชรบูรณ์ (อ.เมืองฯ อ.หนองไผ่ อ.หล่มเก่า อ.หล่มสัก)
* นครสวรรค์ (อ.แม่วงก์ อ.แม่เปิน)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ได้แก่
* เลย (อ.นาแห้ว อ.เชียงคาน อ.ด่านซ้าย อ.ปากชม)
* หนองคาย (อ.เมืองฯ อ.สังคม อ.ศรีเชียงใหม่ อ.ท่าบ่อ อ.โพนพิสัย อ.โพธิ์ตาก)
* บึงกาฬ (อ.เมืองฯ อ.ปากคาด อ.บุ่งคล้า อ.โซ่พิสัย อ.เซกา อ.บึงโขงหลง)
* หนองบัวลำภู (อ.สุวรรณคูหา)
* อุดรธานี (อ.นายูง อ.น้ำโสม)
* สกลนคร (อ.เมืองฯ อ.ภูพาน อ.สว่างแดนดิน)
* นครพนม (อ.เมืองฯ อ.ศรีสงคราม)
* ชัยภูมิ (อ.เมืองฯ อ.คอนสาร อ.หนองบัวแดง)
* ขอนแก่น (อ.เมืองฯ อ.ภูผาม่าน อ.ชุมแพ อ.บ้านไผ่)
* มหาสารคาม (อ.เมืองฯ)
* กาฬสินธุ์ (อ.เมืองฯ อ.ยางตลาด อ.ร่องคำ)
* มุกดาหาร (อ.เมืองฯ อ.หว้านใหญ่ อ.ดอนตาล)
* ร้อยเอ็ด (อ.เมืองฯ อ.เสลภูมิ)
* ยโสธร (อ.เมืองฯ อ.ป่าติ้ว อ.คำเขื่อนแก้ว)
* อำนาจเจริญ (อ.เมืองฯ อ.ชานุมาน)
* นครราชสีมา (อ.ปากช่อง อ.วังน้ำเขียว)
* บุรีรัมย์ (อ.เมืองฯ)
* สุรินทร์ (อ.เมืองฯ อ.ปราสาท)
* ศรีสะเกษ (อ.เมืองฯ อ.ยางชุมน้อย)
* อุบลราชธานี (อ.เมืองฯ อ.วารินชำราบ อ.ตาลสุม อ.น้ำยืน อ.พิบูลมังสาหาร อ.น้ำขุ่น)
ภาคกลาง 8 จังหวัด ได้แก่
* นครนายก (อ.เมืองฯ อ.ปากพลี)
* ปราจีนบุรี (อ.กบินทร์บุรี อ.นาดี)
* สระแก้ว (อ.เมืองฯ)
* ฉะเชิงเทรา (อ.สนามชัยเขต อ.ท่าตะเกียบ)
* ชลบุรี (อ.ศรีราชา อ.บางละมุง)
* ระยอง (อ.เมืองฯ อ.แกลง อ.บ้านค่าย)
* จันทบุรี (อ.เมืองฯ อ.เขาคิชฌกูฏ อ.สอยดาว อ.โป่งน้ำร้อน อ.มะขาม อ.ขลุง)
* ตราด (ทุกอำเภอ)
ภาคใต้ 6 จังหวัด ได้แก่
* ระนอง (ทุกอำเภอ)
* พังงา (อ.เมืองฯ อ.คุระบุรี อ.ตะกั่วป่า อ.กะปง อ.ท้ายเหมือง)
* ภูเก็ต (ทุกอำเภอ)
* กระบี่ (อ.เมืองฯ อ.เหนือคลอง อ.อ่าวลึก อ.คลองท่อม อ.ปลายพระยา อ.เกาะลันตา)
* ตรัง (อ.เมืองฯ อ.ปะเหลียน อ.นาโยง อ.กันตัง อ.สิเกา อ.ห้วยยอด อ.วังวิเศษ)
* สตูล (อ.เมืองฯ อ.ควนโดน อ.ควนกาหลง อ.ทุ่งหว้า อ.มะนัง)
พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์คลื่นลมแรง
ภาคกลาง 4 จังหวัด ได้แก่
* ชลบุรี (อ.เมืองฯ อ.ศรีราชา อ.เกาะสีชัง อ.บางละมุง อ.สัตหีบ)
* ระยอง (อ.เมืองฯ อ.บ้านฉาง อ.แกลง)
* จันทบุรี (อ.นายายอาม อ.ท่าใหม่ อ.แหลมสิงห์ อ.ขลุง)
* ตราด (อ.เมืองฯ อ.แหลมงอบ อ.คลองใหญ่ อ.เกาะช้าง อ.เกาะกูด)
ภาคใต้ 6 จังหวัด ได้แก่
* ระนอง (อ.เมืองฯ อ.สุขสำราญ อ.กะเปอร์)
* พังงา (อ.เกาะยาว อ.ตะกั่วทุ่ง อ.ท้ายเหมือง อ.ตะกั่วป่า อ.คุระบุรี)
* ภูเก็ต (ทุกอำเภอ)
* กระบี่ (อ.เมืองฯ อ.คลองท่อม อ.เกาะลันตา อ.เหนือคลอง อ.อ่าวลึก)
* ตรัง (อ.กันตัง อ.สิเกา อ.ปะเหลียน อ.หาดสำราญ)
* สตูล (อ.เมืองฯ อ.ละงู อ.ท่าแพ อ.ทุ่งหว้า)
พื้นที่เฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้น
ภาคเหนือ ได้แก่
* เชียงราย (อ.เชียงแสน เชียงของ)
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด ได้แก่
* เลย (อ.เชียงคาน)
* หนองคาย (อ.เมืองฯ อ.สังคม อ.ศรีเชียงใหม่ อ.ท่าบ่อ อ.โพนพิสัย อ.รัตนวาปี อ.เฝ้าไร่)
* บึงกาฬ (อ.เมืองฯ อ.ปากคาด อ.บุ่งคล้า อ.บึงโขงหลง อ.เซกา)
* นครพนม (อ.เมืองฯ อ.บ้านแพง อ.ท่าอุเทน อ.ธาตุพนม อ.เรณูนคร อ.ศรีสงคราม)
* มุกดาหาร (อ.เมืองฯ อ.หว้านใหญ่ อ.ดอนตาล)
* อำนาจเจริญ (อ.ชานุมาน)
* อุบลราชธานี (อ.นาตาล)
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้ง 45 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยภัย เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักหรือบริเวณฝนสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัยได้ โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ สภาพน้ำ และเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างต่อเนื่อง ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีฝนตกหนักมีความเสี่ยงที่จะเกิดภัย ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการหน่วยงานที่รับผิดชอบ ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ห้ามบุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการหน่วยงานที่รับผิดชอบ ออกประกาศหรือติดตั้งสัญญาณเตือนประชาชนที่อยู่บริเวณชายฝั่งทะเล ตลอดจนแจ้งนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำในช่วงที่มีคลื่นลมแรงโดยเด็ดขาด
นอกจากนี้ ให้จังหวัดประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบแจ้งเตือนไปยังชาวเรือ ผู้บังคับเรือ และผู้ประกอบการเดินเรือโดยสารให้เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหากสถานการณ์มีความรุนแรงขึ้น ให้จังหวัดพิจารณาห้ามการเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้น ให้จังหวัดติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนให้ประชาชนที่สัญจรทางน้ำและผู้ประกอบกิจกรรมบริเวณแม่น้ำโขง รวมถึงผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำโขงทราบล่วงหน้า
ทั้งนี้ หากประเมินสถานการณ์แล้วคาดว่าสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงหรือขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น ให้จังหวัดเตรียมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ เครื่องจักรกลสาธารณภัย และวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมออกช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีที่เกิดสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ให้จังหวัดแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และแจ้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศ
สถานการณ์น้ำ และข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ตลอดจนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น
สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ในระยะนี้ขอให้ติดตามสภาพอากาศ ประกาศการแจ้งเตือนภัย สถานการณ์น้ำในพื้นที่ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน "THAI DISASTER ALERT" และหากความเดือดร้อนจากสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ "ปภ.รับแจ้งเหตุ1784" โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 (ตลอด 24 ชั่วโมง) เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 13 กันยายน 2567