สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 18 กันยายน คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบมากกว่า 4 ปี โดยไม่นานมานี้้เจ้าหน้าที่อาวุโสของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ เคยประกาศว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้ หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อลดลงเหลือ 2% และอัตราว่างงานมีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

การที่เฟดตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อที่ขึ้นพุ่งขึ้นสูงเมื่อปี 2022 เริ่มลดลงอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินโลกอย่างมีนัยยะสำคัญ และจะมีอิทธิผลต่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์รายอื่นๆ ที่ให้กับลูกค้าของธนาคารและผู้ประกอบธุรกิจ

 

นักลงทุนและนักวิเคราะห์ยังคงไม่มั่นใจว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงไปจำนวนเท่าใด ซึ่งในรอบ 23 ปีที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระหว่าง 5.25 ถึง 5.5 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงเพียงเล็กน้อยที่ 0.25% แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงมากกว่า 0.5% ด้วย ซึ่งหากอัตราดอกเบี้ยลดลงมาก กำลังซื้อก็จะเพิ่มขึ้นตามมา แต่ก็จะทำให้ความเสี่ยงของภาวะเงินเฟ้อก็อาจจะเกิดขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน

 

ตามข้อมูลจาก CME Group มีการคาดการณ์ถึง 63% ว่า เฟดจะประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.5% ขณะที่ 37% คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลง 0.25% โดยหลังจากที่เฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ย ธนาคารอื่นๆ ในสหรัฐก็จะลดอัตราดอกเบี้ยตามมาหลังจากนั้น ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมต่ำลงและกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก

 

ทั้งนี้ พรรคเดโมแครตอาจจะถือโอกาสจากการลดลงของอัตราดอกเบี้ย เป็นหลักฐานพิสูจน์ว่ารัฐบาลภายใต้การนำของพรรคประสบความสำเร็จในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ เพื่อสร้างคะแนนนิยมในการเลือกตั้งสหรัฐที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้

 

ที่มา มติชนออนไลน์

วันที่ 18 กันยายน 2567