ส.ผู้ค้าปลีกไทย รวมพลัง ลดราคาสินค้า 15,000 รายการ ช่วยเหลือ ผู้ประสบอุทกภัย ชงรัฐกระตุ้นศก
นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า สมาคม ร่วมมือกับผู้ประกอบการค้าปลีกทั่วประเทศ รวมพลังน้ำใจลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันมากกว่า 15,000 รายการ ทั้งอาหาร ยารักษาโรค และสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง รวมทั้งเปิดพื้นที่จำหน่ายสินค้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการร้านค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ เพื่อผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
“สถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบันสร้างผลกระทบต่อภาคค้าปลีกไทยมากกว่า 1,000 ล้านบาท ทางสมาคมฯ จึงผนึกกำลังผู้ประกอบการค้าปลีกทั่วไทยร่วมกันลดราคาเป็นกรณีพิเศษเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน และจัดโซนพื้นที่สำหรับจำหน่ายสินค้าให้ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง ”
สำหรับสินค้า กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เช่น ไทวัสดุ ลดราคาสินค้าในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซม-ตกแต่งบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ร่วมรายการ ลดสูงสุด 60%, ดูโฮม ลดราคาสินค้าในกลุ่มซ่อมแซม อาทิ อุปกรณ์ไฟฟ้า, สีและเคมีภัณฑ์, อุปกรณ์สุขภัณฑ์, เครื่องใช้ไฟฟ้า และของใช้ในบ้าน ลดสูงสุด 60%, โฮมโปร มอบเงินช่วยเหลือผ่านโฮมโปร วอลเล็ต มูลค่า 300 บาท ให้กับสมาชิกโฮมการ์ด รวมทั้งการนำอุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหายจากน้ำท่วมมาแลกเปลี่ยนเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่เพื่อรับส่วนลดรวมสูงสุดกว่า 10,000 บาท เป็นต้น
กลุ่มอุปโภคบริโภค เช่น ท็อปส์ ลดราคาสินค้าค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน กว่า 7,000 รายการ และยังล็อคราคาสินค้าจำเป็นอีกกว่า 400 รายการ, บิ๊กซี ลดราคาสินค้าในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสด ของใช้ในครัวเรือนทุกรายการ และร่วมกับกระทรวงพาณิชย์จัดสินค้าลดราคาออกหน่วยธงฟ้าบริการประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย, แม็คโคร ให้การสนับสนุนการลดราคาสินค้าจำเป็น กว่า 4,000 รายการ, โลตัส ลดราคาสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภคจำเป็น ยารักษาโรค กว่า 5,000 รายการ
นอกจากนี้สมาชิกในสมาคมผู้ค้าปลีกไทย อาทิ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล , ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์, เดอะมอลล์, สยามพิวรรธน์, บิ๊กซี, โลตัส ฯลฯ ยังร่วม มอบพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเป็นการชั่วคราวในระหว่างรอการฟื้นฟู เพื่อให้เอสเอ็มอีได้มีเวลาเตรียมความพร้อมในการกลับไปดำเนินธุรกิจอีกครั้งในช่วงตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป นอกจากนี้สมาชิกของสมาคมฯ ยังร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ นำทีมพนักงานอาสาลงพื้นที่มอบถุงยังชีพเพื่อร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยอีกด้วย เช่น เครือกลุ่มเซ็นทรัล, เครือซีพี, เดอะมอลล์กรุ๊ป เป็นต้น
นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า สมาคมฯ ขอเสนอให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการค้าปลีก ที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม อาทิ การพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย การยกเว้นภาษีนิติบุคคล การขยายเวลาการยื่นภาษี การลดอัตราการส่งเงินสมทบประกันสังคมของนายจ้าง และลดอัตราค่าน้ำค่าไฟ เป็นต้น รวมทั้งให้ความสำคัญกับระบบบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยซึ่งอาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต
แม้ว่าที่ผ่านมากำลังซื้อของผู้บริโภคจะยังไม่คึกคักเท่าที่ควรจากปัจจัยหลากหลายรอบด้าน อาทิ ค่าครองชีพที่ยังคงสูง หนี้ครัวเรือน ค่าพลังงาน ความไม่แน่นอนของมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายของภาครัฐ ภัยธรรมชาติ และอื่นๆ
แต่อย่างไรก็ตาม ภาพรวมดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการค้าปลีกในเดือนสิงหาคม 2567 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย เป็นสัญญาณที่ดี ด้วยเหตุนี้หากรัฐบาลเร่งรัดออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมและต่อเนื่อง มุ่งเป้าตรงจุด ก็จะส่งผลให้เกิดสัญญาณฟื้นตัวเป็นบวกอย่างต่อเนื่องและทั่วถึงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการค้าปลีกยังมีความหวังว่าในอีก 3 เดือนข้างหน้าซึ่งเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยว จะช่วยกระตุ้นเม็ดเงินจับจ่ายภายในประเทศให้กระเตื้องขึ้นได้เป็นอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 20 กันยายน 2567