"เจโทร" ยืนยันญี่ปุ่นปักหลักไทย ดันศูนย์กลางซัพพลายเชนโลก
"เจโทร" กรุงเทพฯ ฉลองครบรอบ 70 ปี ย้ำความสำคัญไทยเป็นฐานผลิตซัพพลายเชนโลก เล็งขยายความร่วมมือไทยจับคู่สตาร์ทอัปญี่ปุ่น พัฒนานวัตกรรมใหม่ รับโจทย์ความท้าทาย ประชากรสูงวัยและความเป็นกลางทางคาร์บอน "พิชัย" ถกประธานเจโทรชวนเพิ่มการค้า-ลงทุน อุตสาหกรรมใหม่ PCB ในไทย
ประเทศญี่ปุ่นยังคงเป็นพันธมิตรที่สำคัญของไทย โดยเฉพาะด้านการลงทุนซึ่งญี่ปุ่นคิดเป็นกว่า 1 ใน 4 ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ทั้งหมด ปัจจุบันมีบริษัทญี่ปุ่นในไทยกว่า 6,000 บริษัท กระจายอยู่ในหลายอุตสาหกรรม ทั้งยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกลการเกษตร รวมทั้งในภาคการบริการ
องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) สำนักงานกรุงเทพฯ จัดงานฉลองครบรอบ 70 ปี การก่อตั้งในประเทศไทย ในวันที่ 24 ก.ย.2567 โดยมีผู้แทนระดับสูงจากทั้งภาครัฐและเอกชนของไทยและญี่ปุ่นเข้าร่วมงาน พร้อมเผยวิสัยทัศน์อนาคต มุ่งเน้นนวัตกรรมและความยั่งยืนเพื่อธุรกิจ พร้อมสานต่อกระชับสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น
นายอิชิกุโระ โนริฮิโกะ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารเจโทร สำนักงานใหญ่ กล่าวว่า เจโทร เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีสำนักงาน 75 สาขา กระจายใน 55 ประเทศทั่วโลก โดยสำนักงานกรุงเทพฯ เป็นสำนักงานในต่างประเทศเก่าแก่อันดับ 2 ก่อตั้งเดือน ต.ค.2497 โดย 70 ปีที่ผ่านมา สำนักงานเจโทร กรุงเทพฯ ทำหน้าที่กระชับความสัมพันธ์ทางธุรกิจและการลงทุนระหว่างญี่ปุ่นและไทย
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จที่ผ่านมา แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับอนาคต โดยมุ่งให้เกิดความเชื่อมโยงโลกและก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยกันกับพันธมิตร โดยเฉพาะการสร้างและเชื่อมโยงระบบนิเวศนวัตกรรมเพื่อการแก้ปัญหาและความท้าทายที่ธุรกิจกำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาประชากรสูงวัยและการก้าวสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน
ลุยยกระดับการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ :
นายจุน คุโรดะ ประธานเจโทร กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกันครั้งนี้ได้เห็นทิศทางความร่วมมือการลงทุนระหว่างไทยและญี่ปุ่น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพ อาทิ อุตสาหกรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีลดคาร์บอน อาหาร ไบโอเทคโนโลยี สุขภาพ เวลเนส และเทคโนโลยีอวกาศ รวมถึงการขยายการลงทุนอุตสาหกรรมเดิมที่ลงทุนอยู่แล้ว โดยเฉพาะยานยนต์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
“การขยายตัวเศรษฐกิจของไทยจะเป็นปัจจัยที่มีส่วนสำคัญในกาดึงดูดการลงทุนใหม่และขยายการลงทุน ซึ่งหากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในระดับต่ำจะส่งผลเชิงลบต่อการลงทุน ขณะที่การขยายตัวของประชากรไทยก็ลดลง เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่กำลังเติบโต อาทิ อินเดีย อินโดนีเซีย โดยนักลงทุนญี่ปุ่นเองคาดหวังให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวอย่างมั่งคงสูงกว่าระดับ 2%”
นักธุรกิจญี่ปุ่นหวังไทยแก้กฎระเบียบเอื้อลงทุน :
นอกจากนี้ นักลงทุนญี่ปุ่นมีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับกฎระเบียบ การอำนวยความสะดวกการลงทุนให้ราบรื่นและรวดเร็ว การผ่อนปรนกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่จะต้องมีพาร์ทเนอร์กับธุรกิจไทย โดยเฉพาะภาคการบริการ การบังคับใช้กฎระเบียบเกี่ยวกับภาษีศุลกากรและพิธีการศุลกากรที่ 36% ขณะที่เรื่องรองเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง
ทั้งเจโทร กรุงเทพฯ ได้มีการหารือร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ของไทย ในการขยายอายุความร่วมมือในด้านต่างๆ ได้แก่
1.ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ในการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีใหม่ และสนับสนุนการลงทุนของสตาร์ตอัปจากญี่ปุ่นในอุตสาหกรรเป้ฟาฟมายในพื้นที่อีอีซี
2.ความร่วมมือกับองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (JAXA) เพื่อส่งเสริมการขยายกิจการด้านเศรษฐกิจอวกาศและเศรษฐกิจสีเขียวในประเทศไทย รวมทั้งความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
3.ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) การสนับสนุนขยายการลงทุนธุรกิจสตาร์ตอัปในอุตสาหกรรมเป้าหมายและการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีใหม่
“พิชัย” ย้ำไทยพร้อมผลักดันอุตสาหกรรม PCB :
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เจโทรถือเป็นพันธมิตรเศรษฐกิจที่ยาวนานของไทย ในการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องในการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่น ตลอดระยะเวลา 70 ปี ถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยเปรียบเสมือนกัลยาณมิตรของคนไทยมายาวนาน
สำหรับการหารือทวิภาคี กับนายอิชิกุโระ โนริฮิโกะ (Mr.ISHIGURO Norihiko) ประธานเจโทร ตนเองได้มีการชักชวนนักลงทุนมาลงทุนในธุรกิจ PCB (แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์)ในไทย ซึ่งจะเป็นธุรกิจใหม่ที่มีอนาคตและประเทศไทยมีศักยภาพ รัฐบาลพร้อมส่งเสริมการลงทุนจากญี่ปุ่น ซึ่งจะต่อยอดไปเป็นเซมิคอนดักเตอร์อื่นเป็นอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานสูง
รวมทั้งได้ร่วมมือกับกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ในการเทรนคนรองรับการเจริญเติบโตไว้ล่วงหน้าแล้ว นอกจากนี้ในเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์ถือเป็นประเด็นการค้าที่สำคัญ และทางไทยยินดีที่จะเข้าร่วมงาน World Expo 2025 Osaka Kansai ประเทศญี่ปุ่น ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 เม.ย.-13 ต.ค.2568 และพร้อมเป็นพันธมิตรความร่วมมือในด้านต่างๆต่อไป
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 26 กันยายน 2567